8.27.2555

ขั้นตอนการทำคัพเค้กสวยๆ

เทคนิคในการทำคัพเค้ก

 

สิ่งสำคัญในการทำคัพเค้กคือ  ชิ้นเค้กที่ดูสวยตลอดทั้งชิ้น  ขนาดไม่ใหญ่โตเกินไป และมีสีสันสะดุดตา วัตถุดิบและอุปกรณ์ที่ใช้ ประกอบด้วย

1.    พิมพ์
ปัจจุบันนิยมใช้ “ถ้วยฟอยล์” มาใช้เป็นภาชนะบรรจุ และนำออกขายได้เลย หรือ ถ้าต้องการลวดลายเพื่อเพิ่มความสวยงาม ก็มักจะนิยมใช้ถ้วยกระดาษที่มีลวดลาย แต่การใช้ถ้วยกระดาษจะต้องใช้พิมพ์รองที่ก้นก่อนอบ เพื่อไม่ให้รูปทรงขนมเสีย เนื่องจากถ้วยกระดาษมีความแข็งแรงไม่เท่ากับถ้วยฟอยล์

2.    วัตถุดิบที่ใช้ในการตกแต่ง

2.1    เม็ดน้ำตาลสี วัตถุดิบตัวนี้จะเห็นบ่อยในการนำไปแต่งหน้าเค้กหรือไอศกรีม ช่วยเพิ่มสีสันให้กับตัวขนม

2.2    ช็อคโกแลตเกล็ด ใช้แต่งหน้าเค้กเหมือนกับเม็ดน้ำตาลสี แต่จะต้องเก็บในห้องที่มีอุณหภูมิที่ไม่ร้อนจนเกินไป เพื่อป้องกันการละลาย หรือเก็บในตู้เย็น

2.3    ถั่วต่างๆ ช่วยเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการให้กับขนม โดยนิยมเอาถัวไปผสมทั้งในเนื้อเค้ก หรือนำไปตกแต่งหน้าขนมก็ได้ เช่น อัลมอนด์ ถั่วพิสตาชิโอ แมคคาเดเมีย หรือเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ และถั่วลิสง ซึ่งก่อนจะนำมาใช้ควรอบให้สุกเหลืองเสียก่อนจะนำไปผสมหรือตกแต่ง

2.4    ตุ๊กตาน้ำตาล หรือมาร์ซิแพน เป็นตัวช่วยสำหรับผู้ที่ยังแต่งหน้าเค้กไม่คล่อง ควรเลือกซื้อตุ๊กตาที่มีขนาดเล็ก เพื่อที่จะได้สมดุลกับตัวขนม

2.5    มาร์ชแมลโลว์ เป็นวัตถุดิบอีกตัวหนื่งที่นิยมมาใช้ในการตกแต่งคัพเค้ก และมีรสชาติ สีสันให้เลือกมากมาย

2.6   ผลไม้ ใช้ได้ทั้งสดและแช่อิ่ม เป็นตัวช่วยเพิ่มรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการ จุดเด่นของผลไม้อีกข้อหนึ่งก็คือตัดรสชาติที่เลี่ยน ดังนั้นควรเลือกผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น สตรอเบอรี่ กีวี หรือ พวกเบอรี่   ต่างๆมาตกแต่ง

3.    ภาชนะที่ใช้บรรจุ

3.1    เหมาะสมกับงานที่จะนำไปใช้
ภาชนะที่ใช้มีผลต่อการตัดสินใจของลูกค้า ปัจจุบันมีบรรจุภัณฑ์สำหรับใส่คัพเค้กเพื่อการจำหน่ายผลิตมาขายจำนวนมาก ซึ่งราคานั้นแตกต่างกันออกไปตามวัตถุดิบที่ผลิต จึงควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับงาน

3.2    บรรจุภัณฑ์ที่ดี
คือสามารถป้องกันไม่ให้ขนมเสียหายทั้งรูปทรงและรสชาติ เช่น สามารถปิดได้สนิทโดยที่อากาศไม่สามารถเข้าไปได้ เนีองจากอากาศจะทำให้เค้กมีเนื้อสัมผัสที่แห้งได้

8.22.2555

ประเภทของเค้ก จ้าา


เค้กแบ่งได้เป็นหลายประเภท ดังนี้ 
  • เค้กเนย (butter cake) ส่วนผสมหลักที่ทำให้ขึ้นฟูคือเนย โดยจะตีเนยกับน้ำตาลให้เป็นครีมฟูก่อน จึงเติมไข่ นม และแป้ง แบ่งย่อยได้อีกหลายชนิด เช่น เค้กชั้น ฟรุตเค้ก และเค้กปอนด์ ซึ่งหมายถึง เค้กที่ทำจากแป้งสาลีหนึ่งปอนด์ น้ำตาลหนึ่งปอนด์และ เนยหนึ่งปอนด์
  • เค้กไข่ (foam cake) เป็นเค้กที่ขึ้นฟูโดยตีฟองอากาศเข้าไปในไข่ แบ่งย่อยเป็น 3 ชนิดคือ
    • ชิฟฟอนเค้ก (chiffon cake) เป็นเค้กที่ใช้น้ำมันพืชแทนเนย
    • เค้กไข่ขาว (angle food cake) ใช้ไข่ขาวล้วน ไม่ใส่ไข่แดงและไขมันใดๆ แต่ใส่น้ำตาลมาก
    • สปันจ์เค้ก (sponge cake) เป็นเค้กที่ตีไข่ทั้งฟองกับน้ำตาลให้ขึ้นฟู
  • มูสเค้ก (Mousse cake) เป็นเค้กที่ตีไข่ขาวหรือวิปปิ้งครีมให้ฟูก่อนจะผสมกับส่วนผสมอื่น ทำให้เค้กนุ่ม เบา มักใส่เจลาตินเพื่อช่วยให้คงรูป และต้องแช่เย็นไว้จนกว่าจะรับประทาน
  •  ชีสเค้ก (cheesecake) เป็นเค้กที่มีครีมชีสเป็นองค์ประกอบหลัก มีทั้งแบบอบ และแบบไม่อบแต่ใสเจลาตินเป็นตัวช่วยให้คงรูปร่าง ต้องแช่เย็นเช่นกัน
  • กระท้อนชีสซี่ฮัลโหลโอ้เอ้เค้ก (Oabcde Cake) เป็นเค้กที่มีกระท้อนทุบหัวคิวเป็นองค์ประกอบในส่วนมาก มีทั้งแบบใส่กระท้อนและแบบใส่กระเพรา
  • โฟโต้ชอปเค้ก (Oabcdefg 565656666+ Cake) เป็นเค้กที่มีความตอแหลเป็นองค์ประกอบในส่วนมาก มีทั้งแบบใส่ตอแหลและแบบใส่ความซุงแห

Mini cupcake :D

เค้กจิ๋ว แต่งหน้าแบบของจริง มีให้เลือกหลายแบบ
 ทั้งเค้กกลม , เค้กสี่เหลี่ยม , เค้กหัวใจ , เค้กขอนไม้



มาร์ชเมลโล่คัพเค้ก Marshmallow Cupcake

ลิตเติ้ลสวีท คัพเค้ก Little Sweet Cupcake

เป็นคัพเค้กที่เป็นขนมพิเศษของร้าน Little Sweet มีสีสันที่น่ารักน่าทาน ความหอมหวานที่มาจากผลไม้หลากหลายชนิด ที่คัดสรรมาให้เข้ากันอย่างลงตัวในแต่ละชั้น เริ่มจากชั้นล่างสุด Strawberry เค้ก ที่ใช้แยมสตรอเบอรี่ผสมลงไปในเนื้อเค้ก ชั้นที่ 2 แพชั่นฟรุต เปรี้ยวอมหวาน ชั้นที่ 3 เลม่อน เปรี้ยวจี๊ดจ๊าด และชั้นสุดท้ายชั้นที่ 4 บลูเบอร์รี่ หอมหวาน และแต่งหน้า topping ด้วย topping icing แยมผลไม้รวม หอมพิเศษ เปรี้ยวหวานลงตัว

สูตรขนมลิตเติ้ลสวีทคัพเค้ก Little Sweet Cupcake


อุปกรณ์

1. เครื่องผสม (Mixer Stand)
2. ไม้พายยาง
3. ช้อนตวง
4. ถุงบีบ
5. หัวบีบ cake
6. ถ้วย cupcake
7. ถาดเข้าเตาอบ

ส่วนผสมลิตเติ้ลสวีทคัพเค้ก Little Sweet Cupcake 


สำหรับ 20 ชิ้น

• เนื้อเค้ก


1. แป้งเค้ก 300 กรัม
2. ผงฟู 1 ชต.
3. เนย 200 กรัม
4. น้ำตาล 300 กรัม
5. ไข่ไก่ 3 ฟอง
6. ไข่แดง 2 ฟอง
7. วนิลา 1 ชช.
8. โยเกิร์ต 10 กรัม
9. นมสด 170 กรัม
10. สีฟ้า (ปริมาณตามต้องการ)
11. สีเขียว (ปริมาณตามต้องการ)
12. สีเหลือง (ปริมาณตามต้องการ)
13. สีชมพู (ปริมาณตามต้องการ)
14. แยมบลูเบอร์รี่ 20 กรัม
15. แยมมะนาวและเลม่อน 20 กรัม
16. แยมแพชั่นฟรุ๊ต 20 กรัม
17. แยมสตรอเบอร์รี่ 20 กรัม

• Topping Icing

1. เนย 500 กรัม
2. ไอซิ่ง 100 กรัม
3. แยมผลไม้รวม 80 กรัม
4. เยลลี่ ช็อคโกแลต ตามใจชอบ

วิธีทำลิตเติ้ลสวีทคัพเค้ก Little Sweet Cupcake 

1. อุ่นเตา อุณหภูมิ 160-175 องศา
2. ตีเนยและน้ำตาลจนขึ้นฟูขาว ประมาณ 5 นาที (เนยอุณหภูมิห้อง)
3. ไข่ไก่ และไข่แดง ผสมให้เข้ากัน ใส่วนิลา โยเกิร์ต นมสด คนให้เข้ากัน เทใส่ในเนยที่ตีขึ้นฟูแล้ว
4. ใช้สปีดต่ำจนเข้ากันดี
5. ร่อนแป้งและผงฟูรวมกัน
6. ใส่เบาๆและเปิดสปีดต่ำ (แป้งจะได้ไม่ฟุ้ง)
7. ผสมจนเข้ากันดี
8. แบ่งเป็น 4 ชามเท่าๆกัน
9. แต่ละชามใส่แยมคนละชนิด
10. เพิ่มสีตามใจชอบ
11. ตักใส่ถุงบีบชามละถุง
12. บีบสีละชั้น รวมทั้งหมด ½ ถ้วย (เค้กเนื้อนี้ฟูมาก ใส่เกิน ½ ถ้วยเดี๋ยวจะล้นถ้วย)
13. นำเข้าอบ 25 นาที
14. เริ่มทำ Topping Icing
15. ตีเนยและไอซิ่งจนขึ้นฟู
16. ใส่แยมผลไม้รวม ผสมจนเข้ากัน
17. ตักใส่ถุงบีบ
18. หลังจากพัก cupcake ที่อบสุกให้เย็นแล้ว แต่งหน้าด้วย topping icing
19. แต่งหน้าด้วยเยลลี่ หรือเกล็ดน้ำตาล ตามใจชอบ 



Chosolate sofe fudge cake

Chosolate sofe fudge cake

เค้กชอกหน้านิ่มเป็นสิ่งที่ผมโปรดมากๆ มาตั้งแต่เด็กแล้วคับ ด้วยความที่กินง่าย เนื้อนิ่มๆ ดึ๊งๆ ไม่ฝืดคอเลย โดยเฉพาะสูตรนี้ ที่ความหวานกำลังดี กินได้เรื่อยๆ แถมเนื้อเค้กยังเด้งดึ๋งจิงๆ



สูตรขนมจากหนังสือ may made คับ มีหลายอย่างเลยที่ชอบในหนังสือเล่มนี้
... ให้ความรู้เกี่ยวกับส่วนประกอบต่างๆ แยกเป็นประเภทๆ ละเอียด+อ่านง่ายมากๆ
... แม้ว่าจะทำสำเร็จไปแค่ 2 สูตร แต่ก็ต้องยอมรับว่าเค้กชอกหน้านิ่ม กับเค้กกล้วยหอมจากเล่มนี้เด็ดจิงๆ
... แต่หนังสือเล่มนี้คงไม่เหมาะกับผู้เริ่มทำขนมใหม่ๆ คับ เพราะทิปทริป รายละเอียดต่างๆ ยังไม่มากพอ แต่ถ้าใครมีพื้นฐานมาบ้างแล้วก็ฉลุยเลย





อยากลงสูตรเอาไว้จังเลย แต่เพื่อนเป็นการเคารพเจ้าของหนังสือคับ ผมขอเอาทิปๆ มาฝากแทนละกัน



ส่วนประกอบเนื้อเค้ก จากบนลงล่าง
[ผมโกโก้ + แป้งสาลี + เกลือ + ผงฟู + เบกกี้โซดา] ร่อนรวมกัน 3 รอบ
นม
น้ำตาล
ไข่แดง
ไข่ขาว 
เนย

เตรียมถาด 8 นิ้วทาเนยทิ้งไว้ + อุ่นเตาอบที่ 170c ไฟบนล่าง



... ใช้ที่ตีไข่แบบมือ ตีเนยให้นิ่มเล็กน้อย แล้วเทน้ำตาลใส่ ตีต่อจนฟู ใส่ไข่แดง และวนิลาลงไปตีต่อด้วยความเร็วต่ำ ให้เข้ากันพอ
... เสร็จแล้วล้างหัวตีให้สะอาดแล้วผึ่งไว้

Tip การตีไข่ให้ฟู ใช้ความเร็วสูง / การตีเนยให้ฟู ใช้ความเร็วปลาง / การตีส่วนผสมให้เข้ากันใช้ควาเร็วต่ำ



... เอาส่วนผสมแป้งที่ร่อนรวมไว้ มาเทใส่ 1/3 ส่วน ใช้ตะกร้อมือคนให้เข้ากันอย่างเบามือ แล้วเทนม 1/3 ส่วนลงไปคนต่อ เมื่อเข้ากันแล้วทำซ้ำขั้นตอนนี้จนส่วนผสมหมด

Tip การคนให้ส่วนผสมเข้ากันใช้ตะกร้อมือคนเบาๆ เพื่อให้เค้กไม่ยุบตัว แล้วใช้พายยางปาดขอบๆ ไปด้วยเป็นการเก็บเศษๆ



... ตีใข่ขาวให้ขึ้นฟูด้วยเครื่องตีแบบมือถือตั้งความเร็วสูง จนตั้งยอดอ่อนๆ ระวังอย่าให้ไข่แข็งมากไป เสร็จแล้วเอามาผสมกะหม้อแรกอย่างเบามือ

Tip ไข่ขาวที่เอามาตีต้องเป็นอุณหภูมิห้อง และภาชนะทุกอย่างให้มีคราบน้ำมันติดแม้แต่น้อย ไม่งั้นตียังไงก็ไม่ขึ้น / จริงๆ แล้ควรใช้ภาชนะก้นลึก เพื่อให้ตีไข่ได้ทั่วถึง



... เทส่วนผสมใส่พิม เคาะก้นไล่อากาศเบาๆ แล้วเอาเข้าเตาอบ ตั้งเตาไปที่ไฟล่างอย่างเดียว 170c / 30 นาที

Tip ทุกครั้งก่อนใช้เตาให้วอร์มประมาณ 10 นาทีคับ
... การอบเค้กให้เน้นที่ไฟล่าง หรือไฟล่างอย่างเดียวเลย แล้วแต่เตา

... มาต่อที่ส่วนผสมครีมหน้าเด้ง [ลืมถ่ายรูปส่วนผสมไว้ง่ะ]
นมข้นจืด / ผงโกโก้ / น้ำตาล / กลิ่นวนิลา / แป้งสาลี / ผงวุ้น / เนย
... ตั้งหม้อแบบตุ๋น ไม่งั้นเสี่ยงกับการไหม้สูงมาก 
... ร่อนผงโกโก้และแป้งสาลีทีละนิด แล้วคนๆ ทำจนหมด จะได้ไม่มีเม็ดๆมาให้บี้ทีหลัง
... คนห้ามหยุด ประมาณ 15 นาที จนมันเริ่มมีควัน แล้วใส่เนยลงไปคนต่อ จนเดือด แล้วค่อยยกลงมากพักไว้



... เทสเค้กว่าสุกด้วยการใช้ไม้จิ้ม ถ้าไม่มีไรติดขึ้นมาก็โอละ [จิ้มแรงไปหน่อย เปนรูปเลยงิ]
... เอามาพักให้เย็นแปป แล้วใช้สปาตูล่าแซะขอบๆ [หาไม่เจองะ เลยใช้ไม้แทนเลย]
... คว่ำไว้ แล้วพักให้มันเย็นอีกนิด



... หงายเค้กแล้วใช้ลวดตัดเค้กปาดกลางลำ
... ยกชั้นบนออก แล้วราดซอสที่ช้นล่างก่อน 

Tip อย่าพักซอสไว้นานเกินไม่งั้นอาจเป็นลิ่มๆ ได้



... โป๊ะชั้นบน แล้วราดซอสที่เหลือให้หมด
... แต่งด้วยดาร์กชอกขูดๆ อีกนิด



... ใช้มีดหยักหั่น เวลาหั่นแต่ละครั้งให้เช็ดคราบออกก่อน จะได้เนียนๆ

เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ : เย็นตาโฟ จ้า

 
กำแพงบ้านที่กัสซี่พักอยู่นั้นทอดตัวเป็นแนวขนานกับดอยสุเทพ จึงทำให้กัสซี่มองเห็นวิวดอยสุเทพแบบ Panoramic View เต็มตาตลอดทั้งวัน
กัสซี่ชอบมองดอยสุเทพหลังฝนตกมากที่สุด เพราะท้องฟ้าจะดูฉ่ำชื่น มีเมฆขาวลอยต่ำๆ คลุมดอยสุเทพ ต้นไม้ใบไม้บนดอยก็เหมือนจะร่าเริงบันเทิงใจที่ได้ฝน หลังฝนตกและฟ้าแห้งจากเม็ดฝนแล้ว กัสซี่มักชอบออกไปขับรถเล่นบนถนนเลียบคันคลองชลประทานเพื่อไปเดินเล่นสูดอากาศฉ่ำๆ ที่สวนราชพฤกษ์เสมอ
มันก็น่าแปลกดีนะคะ ทุกครั้งที่กัสซี่ขับรถเลี้ยวซ้ายตรงกาดต้นพยอมปั๊บ ความรู้สึกมันเปลี่ยนจากบรรยากาศพลุกพล่านแบบตัวเมือง กลายเป็นความนิ่งแบบชานเมืองไปทันที ยิ่งขับไกลออกมาจนเลยตลาดแม่เหียะไปเท่าไหร่ ก็ให้ความรู้สึกสงบและนิ่งได้มากขึ้นเท่านั้น
บางทีกัสซี่ก็ขับรถเลยเถิดไปไกลจนถึงแยกสะเมิงโน่น และถ้าบังเอิญว่าคุณผู้อ่านมีโอกาสขับรถเลียบคันคลองชลประทานมาจนถึงแยกสะเมิงบ้างละก็ กัสซี่อยากกระซิบคุณผู้อ่านให้บังคับรถเลี้ยวมาทางซ้ายสักเล็กน้อย (ประมาณ ๒๐ เมตรจากแยก) ตรงนั้นมีแหล่งบันเทิงของมิตรรักนักกินที่กัสซี่อยากแนะนำให้คุณผู้อ่านแวะไปเอร็ดอร่อยกัน ร้านชื่อ ‘ลูกชิ้นปลา เจ๊ดา’ ค่ะ ร้านนี้ขายก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาแบบน้ำใส สอบถามเจ้าของร้าน เธอบอกว่าลูกชิ้นปลาของเธอทำจากปลาหางเหลืองสดๆ ทำให้ได้ลูกชิ้นปลาที่ นุ่ม เนียน แต่กรอบเด้งฟันแบบธรรมชาติโดยไม่ต้องพึ่งสารเคมี ที่สำคัญ ลูกชิ้นของร้านนี้ไม่มีกลิ่นคาว น้ำซุปก็อร่อย มีอย่างหนึ่งที่กัสซี่เห็นว่าแปลก (แต่ชอบ) ก็คือ ก๋วยเตี๋ยวของร้านนี้เขาจะใส่ผักกาดแก้วในชามก๋วยเตี๋ยวแทนถั่วงอก คนไม่ชอบกลิ่นเหม็นเขียวของถั่วงอกลวกอย่างกัสซี่ก็เปรมเลยสิคะ ที่จะไม่ถูกใจเห็นจะมีแค่ที่ร้านนี้เขาไม่มีเยนตาโฟขายนี่แหละค่ะ เพราะฉะนั้น เวลาไปแวะที่ร้านนี้ทีไร กัสซี่จะต้องขนซื้อลูกชิ้นปลากับฮื่อก้วย (ลูกชิ้นปลาแบบเส้น) ทั้งแบบนึ่ง และแบบทอด พร้อมด้วยน้ำซุปของเขากลับมาด้วยเสมอ...เอาไว้ทำเยนตาโฟกินเองที่บ้านค่ะ
ว่ากันว่า เยนตาโฟ (Yong Tau Foo) นี้มีต้นกำเนิดมาจากกลุ่มชาวจีนแคะ ความหมายตามตัวอักษรในภาษาจีน  หมายถึง ‘เต้าหู้สอดไส้’ เป็นอาหารที่พบเห็นทั่วไปทั้งในประเทศจีน มาเลเซีย สิงคโปร์ และประเทศไทย
หน้าตาของเยนตาโฟ และ น้ำซอสของแต่ละประเทศก็แตกต่างกันไป ยกตัวอย่างเยนตาโฟที่สิงคโปร์ (และมาเลเซีย) แบบที่กัสซี่คุ้นเคยนั้น จะมีเครื่องหลากหลายให้เรายืนเลือกได้ที่หน้าแผง มีทั้งลูกชิ้นสารพัดแบบ เต้าหู้สด เต้าหู้ปลา กุ้ง เนื้อปลา ปลาหมึก และเครื่องทะเลอื่นๆ แล้วยังมีมะระจีนผลเต่งนำมายัดไส้ด้วยเนื้อปลาบดปรุงรสแล้วหั่นเป็นแว่นบางๆ มีกระเจี๊ยบมอญทั้งแบบสอดไส้และแบบไม่สอดไส้ พริกชี้ฟ้าแดงสอดไส้ (ไส้ส่วนมากเป็นไส้ปลา) มีผักกาดขาว ผักสลัดแก้ว ผักบุ้ง เห็ด ฯลฯ
เวลาเราจะซื้อ คนขายจะให้ชามเรามาหนึ่งใบพร้อมที่คีบ เราก็เลือกเครื่องที่เราชอบคีบใส่ชาม เครื่องแต่ละอย่างสนนราคาก็แตกต่างกันไป พอเลือกเสร็จ เราก็ส่งชามให้คนขาย คนขายก็เอาไปจัดการลวกให้เรา มีข้อแนะนำอย่างหนึ่งเวลาเลือกเครื่องเยนตาโฟ (ทั้งที่สิงคโปร์และมาเลเซีย) ว่า‘อย่าตาโตกว่าท้อง’ เพราะกัสซี่และพลพรรคเคยมาแล้ว อารมณ์ประมาณโน่นก็น่ากิน นี่ก็น่าอร่อย คีบเครื่องใส่ชามกันใหญ่เลย ปรากฏว่าเวลาปรุงเสร็จได้เยนตาโฟชามใหญ่บะเล่งเท่ง คิดเงินออกมาแล้วชามนึงร่วมสิบเหรียญสิงคโปร์ (ลมแทบจับตอนจ่ายสตางค์) เยนตาโฟแบบที่สิงคโปร์ ถ้าไม่ใส่เส้นก๋วยเตี๋ยวหรือบะหมี่ลงไปด้วย ก็มักจะเสิร์ฟกับข้าวสวยร้อนๆ และมีซอสเยนตาโฟรสเผ็ดเปรี้ยวสีแดงตุ่นๆ หรือไม่ก็เป็นซอสเต้าเจี้ยวรสออกหวาน หรือ ฮอยซินซอส เสิร์ฟคู่กันเสมอ
สำหรับเยนตาโฟในเมืองไทยนั้น เครื่องปรุงหลักๆ ที่ขาดไม่ได้ ก็ต้องมี ซอสเยนตาโฟสีแดง ลูกชิ้นปลา เลือดก้อน ปลาหมึกกรอบ และ ผักบุ้งไทย ส่วนเครื่องปรุงอื่นๆ ที่เสริมเข้ามา ก็อาจจะมี แมงกะพรุน เห็ดหูหนูขาว เต้าหู้ทอดกรอบ กุ้งชุบแป้งทอดกรอบ เกี๊ยวทอดกรอบ เกี๊ยวปลา ลูกชิ้นกุ้งทอด ฯลฯ อันนี้ตามแต่สูตรใครก็สูตรใคร กัสซี่จะ ‘บ่เปิงใจ’ ทุกครั้ง ที่พบเห็นร้านก๋วยเตี๋ยวหลายร้านในเชียงใหม่ใช้ผักบุ้งจีนแทนผักบุ้งไทยในเยนตาโฟ เห็นอย่างนี้ทีไร แหม! อยากตีมือคนขายทุกที เอกลักษณ์ของเยนตาโฟไทย มันต้องใส่ผักบุ้งไทยปล้องอวบๆ เนื้อกรอบๆ เท่านั้นสิคะ ผักบุ้งจีนน่ะ เหมาะจะเอาไว้ใส่สุกียากี้มากกว่า
ไหนๆ ก็พูดถึงเรื่องเยนตาโฟแล้ว ถ้าคอลัมน์ Home Cuisine ของเราไม่มีวิธีการทำมาฝาก ก็เห็นทีจะผิดธรรมเนียมไปหน่อย วิธีทำน้ำซอสสำหรับใส่เยนตาโฟ แบบเดิมๆ เขาจะใช้ ซอสข้นเหนียวสีแดงรสเปรี้ยวที่ทำจากข้าว มาบดรวมกับเนื้อเต้าหู้ยี้ น้ำกระเทียมดองหรือน้ำส้มสายชู ปรุงรสให้ออกเค็มๆ หวานๆ (บางสูตรใส่งาขาวคั่วบดละเอียด เพื่อเพิ่มความหอมด้วย)
น้ำซอสเยนตาโฟบางสูตรอาจจะใส่เนื้อพริกชี้ฟ้าแดงปั่นละเอียดกับน้ำส้มสายชู (กรองมาใช้แต่เนื้อพริก) มาผสมเพื่อเพิ่มความเผ็ดร้อนด้วยก็ได้ แต่ทีนี้บางคนกลัวสีแดงแช้ดของซอสข้าว ก็มีการเปลี่ยนมาใช้ซอสมะเขือเทศ (ketchup) แทน เพราะได้ทั้งรสเปรี้ยวและให้สีแดงเหมือนกัน
สูตรน้ำซอสเยนตาโฟแบบใช้ซอสมะเขือเทศเป็นซอสที่กัสซี่นำมาฝากคุณผู้อ่านตรงนี้ กัสซี่ต้องขอบคุณ คุณบีบิ๊ (บ่งบ๊ง) จากโต๊ะก้นครัว ในเว็บ pantip.com ที่อนุญาตให้นำสูตรของเธอมาเผยแพร่ต่อ เพื่อความบันเทิงทางปากะศิลป์ของแฟนนานุแฟนนิตยสาร COMPASS กัสซี่ลองทำตามสูตรดูแล้ว ปรากฏว่าได้ซอสเยนตาโฟรสแหล่มมาก เครื่องปรุงและส่วนผสมมีดังนี้ค่ะ
- ซอสมะเขือเทศ ๒๐๐ กรัม
- ซอสพริกสีเหลือง ๑๐๐ กรัม
- ซอสพริกสีแดง ๑๐๐ กรัม
- เต้าหู้ยี่ก้อนแบบบรรจุขวด ๖ ก้อนใหญ่ บดให้ละเอียด
- น้ำมันหอย ๑๐๐ กรัม
- ซีอิ๊วขาว ๒-๓ ช้อนโต๊ะ หรือเกลือป่นประมาณ ๑ ช้อนชา
- พริกขี้หนูแดงบดหยาบ ๒๐ เม็ด โดยประมาณ (ถ้าไม่ชอบเผ็ดจัดก็ไม่ต้องใส่)

(หมายเหตุ - ซอสพริกสีเหลือง และซอสพริกสีแดง ใช้ของศรีราชาพาณิชย์ สำหรับซอสพริกเหลือง ถ้าหาไม่ได้ ไม่ต้องใส่ก็ได้)
วิธีทำ
นำส่วนผสมทั้งหมด ใส่รวมกันในหม้อ แล้วนำไปตั้งไฟแล้วเคี่ยวให้เดือดพล่าน เมื่อซอสเดือดดีแล้ว ปรุงรสเพิ่มตามชอบ ถ้าชอบเปรี้ยวมากก็เติมน้ำส้มสายชูลงไป ถ้าชอบหวานก็เพิ่มน้ำตาล แต่ควรพยายามคุมให้ได้สามรส คือ เปรี้ยวนำ หวานตาม เจือรสเค็มนิดๆ และมีรสเผ็ดเล็กน้อย หากรู้สึกว่า สีของซอสยังไม่แดงเด่นเด้งถูกใจ ก็อาจจะใส่สีผสมอาหารสีแดงลงไปสักหยดสองหยด ก็จะช่วยได้ เมื่อปรุงรสได้ที่และแต่งสีจนสวยสมใจดีแล้ว ก็ยกลงจากเตา พักไว้ให้เย็น บรรจุในขวดแก้วที่ลวกและนึ่งฆ่าเชื้อแล้ว เก็บไว้ในตู้เย็น จะเก็บได้นานค่ะ
ทำน้ำซอสเสร็จ ก็หันมาทำน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวกันต่อนะคะ น้ำซุปก๋วยเตี๋ยวนี่ถ้าจะให้หอมอร่อย ควรใช้กระดูกสันหลังหมู กระดูกใบพาย และโครงไก่ (ที่จะต้องตัดไขมันไก่ให้ออกจากโครงไก่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้) รวมกัน ถ้าหาได้ไม่ครบ คุณผู้อ่านจะเลือกใช้กระดูกอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ค่ะ อัตราส่วนง่ายๆ คือ ใช้กระดูกที่ความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ๑ กิโลกรัม ต่อน้ำสะอาด ๓ ลิตร
วิธีทำก็คือ ใส่น้ำลงในหม้อยกขึ้นตั้งไฟกลางพอน้ำเดือด ใส่กระดูกลงไป พอเดือดอีกครั้งจึงลดไฟลงให้เป็นไฟอ่อน ค่อยๆ ช้อนฟองทิ้งไป จากนั้นนำรากผักชีอวบๆ ๒ ราก กระเทียมไทยกลีบเล็ก ๑ หัว พริกไทยดำทั้งเม็ดคั่วให้หอม ๑ ช้อนชา สามอย่างนี้นำไปบุบพอแตกแล้วห่อในผ้าขาวบางรวมกัน ใส่ลงไปในหม้อ ปรุงรสด้วยเกลือสมุทรป่น น้ำตาลกรวด และซีอิ้วขาว อย่างละ ๑ ช้อนโต๊ะ และพริกไทยขาวป่น ๑ ช้อนชา ถ้าคุณผู้อ่านชอบหัวไชเท้า อาจจะใส่ลงไปต้มเคี่ยวเพื่อเพิ่มความหวานให้กับน้ำซุปก็ได้ แต่หัวไชเท้านั้นมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์และมีรสอมเปรี้ยวติดปลายลิ้น เพราะฉะนั้นแทนที่จะใช้หัวไชเท้า กัสซี่อยากแนะนำให้เปลี่ยนเป็นผักกาดขาวปลีแทน เพราะให้ความหวานแต่ไม่เปลี่ยนกลิ่นน้ำซุปของเราค่ะ เราเคี่ยวน้ำซุปของเราประมาณ ๑ ชั่วโมง ก็ให้ตักกระดูกออก เพราะถ้าเคี่ยวกระดูกต่อไปนานๆ น้ำซุปจะมีไขมันมากค่ะ ตักกระดูกออกแล้วเคี่ยวต่อไฟเบาๆ ไปอีกสัก ๓๐- ๔๕ นาที น้ำซุปสำหรับก๋วยเตี๋ยวของเราก็พร้อมใช้งานแล้วค่ะ
สำหรับการเตรียมเครื่องปรุงหลักอื่นๆ อย่างเช่น ลูกชิ้นปลา ก็ให้นำมาลวกน้ำร้อนและพักไว้ ส่วนฮื่อก้วยนึ่งก็นำมาลวกอีกครั้งก่อนนำไปหั่นแฉลบบางๆ ถ้าเป็นฮื่อก้วยแบบทอด ก็ควรทอดซ้ำอีกครั้งหนึ่ง ก่อนนำมาหั่นเช่นกัน
ปลาหมึกแช่ด่าง เมื่อซื้อมาแล้ว ให้ดึงเมือกที่ตัวปลาหมึกออก ล้างด้วยน้ำเกลืออ่อนๆ แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดอีก ๒ - ๓ ครั้ง ก่อนนำไปหั่นเป็นชิ้นพอคำ และแช่น้ำไว้
แมงกะพรุน ให้ล้างด้วยน้ำเกลือก่อน แล้วนำมาแช่ในน้ำทิ้งไว้สักพัก และนำมาขยำใต้ก๊อกน้ำที่เปิดน้ำไหลไว้ แล้วก็เอากลับไปแช่น้ำไว้ จากนั้นนำมาขยำอีก ทำอย่างนี้ซ้ำๆ ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดเค็ม เรียกว่าขยำกันจนเมื่อยมือกันไปข้างเลยค่ะ แล้วค่อยนำมาหั่นเป็นช่อเล็กๆ พอคำ แช่ไว้ในน้ำสะอาด แต่ถ้าคุณผู้อ่านไม่อยากใช้แมงกะพรุน จะเลือกใช้เห็ดหูหนูขาวแช่น้ำให้นุ่มแทนก็ได้นะคะ แต่ขอให้เลือกชนิดที่สีออกเหลืองตุ่นๆ หน่อย แต่ไม่ใช่สีตุ่นจนเกือบออกสีน้ำตาลนะคะ อันนั้นเป็นเห็ดเก่าเก็บ เลี่ยงที่จะไม่ซื้อเห็ดหูหนูขาวที่มีสีขาวผ่องเกินปกติ เพราะน่าสงสัยว่า จะเป็นเห็ดที่ผ่านขบวนการฟอกขาวมา
เลือดก้อน ที่ใช้สำหรับเยนตาโฟ เลือกใช้เลือดหมูใหม่ๆ เนื้อสัมผัสนุ่ม ไม่มีกลิ่นเหม็นและไม่เป็นสีเข้มคล้ำ นำมาหั่นเป็นก้อนพอคำ แล้วนำไปต้มในน้ำร้อนพอสุก ตักขึ้นมาแช่ไว้ในน้ำสะอาด
ผักบุ้งไทย ก็ให้เลือกที่ก้านและใบอ่อนๆ นำมาล้างให้สะอาดแล้วนำมาหั่นเป็นท่อนๆ ขนาดพอคำ นำไปลวกในน้ำเดือดที่ผสมเกลือเล็กน้อย พอสุกก็ตักขึ้นแช่ในน้ำลอยน้ำแข็ง เพื่อให้ผักบุ้งมีสีเขียวสวย
น้ำส้มพริกดอง ที่ใช้คู่กับเยนตาโฟนั้น ควรเป็นพริกตำละเอียดดองในน้ำส้มสายชู วิธีทำก็ง่ายๆ คือ ใช้พริกเหลืองหรือพริกชี้ฟ้าแดงสัก ๕ เม็ด นำมาโขลกหรือปั่นให้ละเอียด และเติมน้ำส้มสายชู ๑/๒ ถ้วยตวงลงไป คนให้เข้ากัน ตักใส่ขวดแก้ว ปิดฝาให้สนิท แช่ในตู้เย็น ๑ คืน ก่อนนำมาใช้

เวลาจะรับประทาน ก็อุ่นน้ำซุปให้ร้อน และตั้งหม้อใส่น้ำสำหรับลวกเส้น พอน้ำเดือดก็จัดแจงลวกเส้นก๋วยเตี๋ยวที่ชอบพอเส้นนุ่ม (กระซิบว่า เส้นใหญ่ เหมาะกับเยนตาโฟมากที่สุด) จากนั้นเอาผักบุ้งที่เราเตรียมไว้รองก้นชาม เคาะเส้นก๋วยเตี๋ยวที่ลวกแล้ววางบนผักบุ้ง ใส่น้ำมันกระเทียมเจียว จากนั้นลวกปลาหมึก แมงกะพรุน เลือดหมู บรรดาลูกชิ้นที่เตรียมไว้พอสุก เทใส่ชาม ราดด้วยน้ำซอสเยนตาโฟที่เตรียมไว้ เติมน้ำปลา ๑ ช้อนชา น้ำตาลทราย ๑ ช้อนชา (ไม่ชอบหวานไม่ต้องใส่นะคะ) พริกดองน้ำส้ม ๑ ช้อนชา แล้วตักน้ำซุปร้อนๆ ใส่ลงในชาม เท่านี้ก็เป็นอันสำเร็จ เสร็จแล้วหนึ่งชามค่ะ ยกไปเสิร์ฟได้เลย

หนังสือ รวมเรื่องดีๆในการทำคัพเค้ก

Martha Stewart’s CUPCAKES
เป็นหนังสือที่สาวกของ Martha Stewart และเหล่าผู้หลงใหลในการทำคัพเค้ก ทั้งมือใหม่และมือเก่า ควรมีไว้ติดชั้นหนังสือเป็นอย่างยิ่ง หนังสือ Martha Stewart’s CUPCAKES เล่มนี้อัดแน่นไปด้วยสูตรการทำคัพเค้กเพื่อโอกาสต่างๆ กันมากถึง ๑๗๕ สูตร เรียกว่าถ้าเราทำคัพเค้กตามสูตรในหนังสือเล่มนี้ วันละชนิด เราต้องใช้เวลากว่าครึ่งปีทีเดียวกว่าจะทำได้ครบทุกสูตร
จากประสบการณ์ส่วนตัวของกัสซี่ สูตรขนมของ Martha Stewart นั้นค่อนข้างเชื่อถือได้ แม้ว่าบางสูตรอาจจะหวานและเข้มมันไปสักหน่อยสำหรับคอขนมในบ้านเรา แต่โดยรวมแล้วถือว่าทำออกมาแล้วอร่อยใช้ได้ ในหนังสือเล่มนี้ ไม่เพียงแต่นำเสนอสูตรคัพเค้กที่อร่อยที่มีภาพประกอบสวยงามเท่านั้น แต่ยังให้คำแนะนำขั้นพื้นฐานในการทำคัพเค้ก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนผสม อุปกรณ์ วิธีตกแต่งหน้าคัพเค้ก ไอเดียเรื่องการบรรจุหีบห่อ การจัด display ให้สวยงาม แม้แต่แหล่งซื้ออุปกรณ์ ก็มีการแนะนำเอาไว้ด้วย หนังสือเล่มนี้จึงจัดเป็นคัมภีร์ที่นักทำคัพเค้กทุกคนควรมีไว้ในครอบครองค่ะ

วิธีทำ cupcake จ้า

8.21.2555

ฝนตกบ่อยๆ แบบนี้ ลองหา ร้านเค้ก กาแฟ ^^


ฝนตกบ่อยๆ แบบนี้ ลองหา ร้านเค้ก กาแฟ 

ฝนตกบ่อยๆ แบบนี้ ลองหา ร้านเค้ก กาแฟ นั่งชิลล์หลบฝน...ในกรุงเทพ กันดีกว่าฝนตกบ่อยๆ แบบนี้ ลองหา ร้านเค้ก กาแฟ นั่งชิลล์หลบฝน...ในกรุงเทพ กันดีกว่า
 



Beloved Cafe @ CDC

บีเลิฟคาเฟ่แอทซีดีซี ร้านกาแฟที่ให้ความรู้สึกสบายๆ เสมือนนั่งทานกาแฟอยู่ในห้องนั่งเล่นบ้านเพื่อน ภายใต้บรรยากาศอบอุ่นและเต็มไปด้วยความรัก ดังชื่อร้าน Beloved Cafe ภายในร้านหอมอบอวลด้วยกลิ่นกาแฟคั่วพิเศษพันธุ์อาราบิก้า นอกจากนี้ ทางร้านยังมีการจัดเตรียมสัญญาณอินเตอร์เน็ตไว้คอยให้บริการลูกค้าสำหรับนั่งทำงานหรือประชุมนอกสถานที่อีกด้วย

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> http://www.edtguide.com/BelovedCafeCdc_502916




ก เอ๋ย ก กาแฟ

ร้านกาแฟแนวใหม่ ที่ดัดแปลงบ้านทั้งหลังให้กลายเป็นร้านกาแฟสไตล์เก๋ๆ ถูกใจบรรดาวัยรุ่นทั้งหลายที่มีทั้งมุมภาพถ่าย มุมโปสการ์ด และของสะสม ตกแต่งด้วยของกระจุกกระจิกมากมายได้บรรยากาศเหมือนกำลังนั่งอยู่ที่ปาย และอัมพวาไม่มีผิด ชั้นบนของร้านนั้นยังจัดเป็นมุมเฮฮาส่วนตัวกับร้านขายหนังสือประเภท Pocket Book น่าอ่านและยังมีนิตยสารใหม่ๆ ที่เลือกสรรมาไว้บริการคุณลูกค้าขณะนั่งจิบกาแฟสด

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> http://www.edtguide.com/KorAeuyKorKafair_493331




Sweet Me Bakery

Sweet Me Bakery เกิดขึ้นจากความรักในการทำขนม และอยากแบ่งปันให้เพื่อนได้ทานของอร่อย ขนมทุกๆ ชิ้นจาก Sweet Me จึงทำด้วยความตั้งใจ และใส่ใจในทุกๆ รายละเอียด ส่วนผสมทุกชนิดได้คุณภาพ หลากหลาย ทั้งรูปแบบและรสชาติเค้ก จึงเป็นที่ชื่นชอบของทั้งผู้รับและผู้ให้เสมอมา

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> http://www.edtguide.com/SweetMeBakery_505778




A List A Dessert Bar

เอลิสท์อะดิสเสิร์ทบาร์ ร้านกาแฟในโครงการ The Ninth พระราม 9 บรรยากาศภายในร้านออกแบบได้อย่างลงตัว มีให้เลือกนั่งทั้งโซนตรงกลางร้าน มุมโซฟาด้านในที่ออกแบบโซฟาตัวใหญ่ให้เหมือนช็อกโกแลตชิ้นโต และบริเวณริมกระจกด้านหน้าร้าน

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> http://www.edtguide.com/AListADessert_506217




ฟาร์มเทเบิ้ลออร์แกนิคคาเฟ่

กาแฟหอมหรุ่นของร้านนี้ เป็นกาแฟออร์แกนิค อราบิก้าปลูกเหนือระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร และยังมีไอศกรีมโฮมเมด 15 รส สลับสับเปลี่ยนกันไป ไม่ว่าจะเป็น มะเขือเทศเชอร์เบต นมออร์แกนิค สับปะรดภูแลเชอร์เบต ช็อกโกแลตเชอร์เบต ไม่เหมือนใครตรงที่มีการนำผักออร์แกนิคมาเป็นส่วนผสมของไอศกรีม ซึ่งเหมาะกับสาวๆ ที่รักสุขภาพ นอกจากนี้ยังมี สลัดผักที่สดกรอบ สั่งตรงมาจากไร่เชียงราย รับประกันความสดใหม่

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> http://www.edtguide.com/FarmToTableOrganicCafe_506141




Coffee Meals

Coffee Meals บ้านหลังที่ 2 ของคนรักกาแฟ ดัดแปลงร้านให้เหมือนกับบ้านน่ารักๆ สีสันสดใส เอาใจคุณ ด้วย 3 โซนสวยๆ ทั้งชั้นที่ 1 กับแนว vintage ที่มีจุดเด่นสุดแปลกตรงต้นไม้ใหญ่กลางร้านซึ่งสามารถเปลี่ยนสีได้ ชั้นที่ 2 กับบรรยากาศสบายๆ เหมาะสำหรับการ chill out กับเพื่อน คนรัก หรือครอบครัว และสุดท้ายคือมุมเล็กๆ ที่ด้านหน้าของร้านกับมุมชมวิวริมถนน ให้คุณได้เลือกนั่งไปพร้อมกับเติมเต็มความสุขจากกลิ่นหอมของกาแฟ และอาหารจานอร่อยอีกมากมาย

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> http://www.edtguide.com/CoffeeMeals_505896




Cafe Lab

Cafe Lab ร้านกาแฟสวยๆ เปิดใหม่ย่านหลักสี่ สดใสด้วยการตกแต่งร้านโทนสีแดงตัดกับสีดำ และกลมกลืนด้วยสีขาวมันสะอาด เน้นคอนเซ็ปต์ตามชื่อร้านคือ ห้อง Lab! ภายในร้านจึงแต่งแต้มไปด้วยลวดลายเกี่ยวกับวิชาเคมีตามผนังร้าน ชั้นวางของเก๋ๆ หรือแม้แต่ของกระจุกกระจิกที่วางตามมุมต่างๆ ก็ยังเป็นขวดแก้วใสหรือบีกเกอร์ใส่น้ำสีสวยๆ เอาไว้ด้วย

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> http://www.edtguide.com/CafeLab_506239




Sometime's Coffee

ร้านกาแฟที่โดดเด่นในเรื่องเค้กชิ้นโต กาแฟและชาที่หอมกรุ่น ตกแต่งร้านให้เหมือนคืนแห่งรัตติกาลที่ดูลึกลับ และยิ่งเพิ่มความลึกลับมากขึ้นด้วยสัญลักษณ์ของร้านที่ใช้นกฮูกมาประดับตกแต่ง ภายในร้านยังมีมุมให้เลือกนั่งได้หลากหลายอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นมุมสดใสของชุดหวายสีขาวด้านหน้าร้าน มุมติดชั้นหนังสือสำหรับผู้ที่มีใจรักในการอ่านหนังสือพร้อมจิบกาแฟไปด้วย หรือมุมโซฟานุ่มๆ นั่งสบายๆ เมนูแนะนำของที่ร้านที่ขายดีที่สุดคือ ดับเบิ้ลช็อกโกแลตเค้ก สั่งมาทานคู่กับคาปูชิโน่หอมหวาน หรือจะเลือกเค้กสตรอเบอร์รี่กับชากลิ่นหอมสดชื่นก็อร่อยไม่แพ้กัน

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> http://www.edtguide.com/SometimesCoffee_12133




P'z Cafe

ไม่ว่าจะนั่งจิบกาแฟชิวๆ ในสวนเก๋ๆ หรือจะนั่งสบายๆ ในห้องเย็นๆ พร้อมกับลิ้มรสความหวานมัน เข้มข้น กลมกล่อมถึงใจ ของกาแฟและเครื่องดื่มที่คัดสรรมาอย่างดีจนมากคุณภาพ ร้าน P'z Cafe เป็นอีกร้านหนึ่งที่อยู่ในใจของใครหลายๆ คน เพราะมีเมนูบริการหลากหลายไม่ว่าจะเป็น กาแฟ ช็อกโกแลตเฟรปเป้ ท๊อฟฟี่นัทอัลมอนด์เฟรปเป้ สมูทตี้อิตาเลียนโซดา หรือแม้แต่ไวน์ชั้นดีก็มีไว้บริการด้วย แต่ถ้าอยากรองท้องด้วยเมนูเบาๆ วาฟเฟิลทานคู่กับไอศกรีมวานิลลา ก็สามารถทำให้คุณยิ้มได้เมื่อสัมผัสกับความอร่อย หอมหวานด้วยรสชาติแบบมืออาชีพ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> http://www.edtguide.com/PzCafe_493485




Ohana Fresh Cafe

โอฮานาคาเฟ่ เป็นเหมือนร้านกาแฟกลางสวนในซอยสุขุมวิท 24 ตกแต่งด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ทั้งด้านนอกและภายในร้าน บรรยากาศดูปลอดโปร่ง โล่ง สบาย มีเก้าอี้ไม้ตัวยาว หมอนอิงสีสดใสวางเรียงราย ให้คุณได้นั่งพิงอย่างสบายอารมณ์ ตัวร้านเป็นกระจกใสรอบด้าน ทำให้พื้นที่ดูกว้างขวาง ต้นไม้ที่ถูกตกแต่งอยู่ด้านในเมื่อมองมาจากนอกร้าน เหมือนคุณได้ยืนมองพืชในเรือนกระจก กาแฟสดของที่นี่รสชาติดี และส่งกลิ่นหอม ชวนให้คนที่ผ่านไปมาแวะเข้ามาลิ้มลอ

คลายร้อนด้วยร้านไอศกรีม...แบบเย็นเจี๊ยบ

คลายร้อนด้วยร้านไอศกรีม...แบบเย็นเจี๊ยบ

คลายร้อนด้วยร้านไอศกรีม...แบบเย็นเจี๊ยบ
คลายร้อนด้วยร้านไอศกรีม...แบบเย็นเจี๊ยบ
รวมร้านไอศกรีม ให้เพื่อนๆ ไปทานเพื่อคลายร้อน 
ร้อนจิง ๆๆ ... ช่วงนี้อากาศบ้านเราเริ่มร้อนขึ้นทุกวัน เชื่อว่าหลายคนคงหาวิธีดับร้อนกันทั้งหาของเย็นๆ กิิน หรือไม่ก็ออกไปพักผ่อนตามห้างรับแอร์เย็นๆ วันนี้ EDTguide ขอแนะนำวิธีดับร้อนด้วยร้านไอศกรีม (ice cream) ให้เพื่อนๆแวะไปกินเพื่อคลายความร้อนกัน แต่จะมีร้านไหนน่ากินบ้างลองตามไปชิมกันเลย...





Melt Me Healthy Chocolate & Gelato เอาใจคนรักไอศกรีม ด้วยเมนูสุดพิเศษ อิตาเลียนไอศกรีมเพื่อสุขภาพหลากหลายรสชาติ ซึ่งแต่ละรสเข้มข้นด้วยส่วนผสมที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี โดยเฉพาะ ชาเขียว และไอศกรีมรสผลไม้ ที่เข้มข้นด้วยส่วนผสม ทำให้รสชาติไอศกรีมของร้าน Melt Me เป็นที่ถูกอกถูกใจผู้ที่ชื่นชอบไอศกรีมรสชาติเข้มข้น







ร้านอินจันบายชาคริต เป็นร้านไอศกรีมสไตล์โฮมเมด เจ้าของร้านเป็นพระเอกหนุ่มรูปหล่อ ชาคริต แย้มนาม นอกจากความหล่อแล้วความสามารถทางด้านอาหารก้อไม่แพ้กัน นั่นก็คือ ไอศกรีมมีสารพัดรสให้ลิ้มลอง มีส่วนผสมของผลไม้ไทยและดอกไม้ไทย คุณภาพของไอศกรีมเทียบเท่ากับของต่างประเทศ






ร้านไอศกรีม Milk Solid เชิญคุณลูกค้ามาตื่นตาตื่นใจไปกับไอศกรีมแนวคิดใหม่ ซึ่งใช้ 'ไนโตรเจน' มาทำให้น้ำเย็นตัวจนกลายเป็นก้อนไอศกรีมเนื้อเรียบเนียน เหนียวหนุ่ม ปราศจากเกล็ดน้ำแข็ง ทานคู่กับท็อปปิ้งแนวๆ ที่ไม่มีให้ชิมง่ายๆ ที่ไหน เพราะใช้ไนโตรเจนมาทำให้มาชเมลโล่นิ่มๆ หยุ่นๆ แข็งตัว กรุบกรอบจนอร่อยขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว





Marvelous Cream ไอศกรีมวาฟเฟิลระดับพรีเมียมชื่อดังจากญี่ปุ่น ไฮไลท์ของ Marvelous Cream อยู่ที่ Heavenly Compote Waffle วาฟเฟิลสอดไส้ครีมสไตล์ญี่ปุ่น ที่ผสมผสานความหวานของวาฟเฟิล พร้อมครีมหวานหอมของไอศกรีมรวมไปถึง Patiscream ยูโนเปี้ยนพาเฟ่ท์ ไอศกรีมเค้กชั้นเลิศ ที่มีเคล็ดลับในการทานคือต้องทานพร้อมกันทั้งสามชั้น แล้วจะได้ความนุ่มละมุมลิ้น





Gelate ร้านไอศกรีมสัญชาติอิตาเลียน หลากหลายรสชาติให้คุณได้ลิ้มลอง มีบริการ Catering นอกสถานที่ ให้ปาร์ตี้ของคุณเป็นความประทับใจและมีสีสันไม่เหมือนใครด้วยตู้โชว์ไอศกรีมนำเข้าจากอิตาลีดีไซน์ย้อนยุค พร้อมพนักงานบริการและอุปกรณ์ครบครันเสมือนยกร้านเจลาเต้มาในงานปาร์ตี้ของคุณ





Me & Ice cream ร้านสีขาวสะอาดตา แต่กลับหวานได้ถึงใจ เพราะหวานได้ทั้งบรรยากาศ และสไตล์การตกแต่ง รวมไปถึงไอศกรีมที่สีสันสดใส เนื้อดูละเอียดจนอยากจะลองชิมรส สัมผัสถึงความนุ่นละมุนแสนอร่อย ในขณะที่เครื่องดื่มเบาๆ อย่างสมู้ดตี้สีหวานบาดใจก็น่าลิ้มลองได้ไม่แพ้กัน





Ho-Mu Soft Cream ไอศกรีมเนื้อนุ่มๆ ส่งตรงจากฮอกไกโด ที่มีให้ลิ้มลองหลากหลายรสชาติ แต่ที่ขายดีที่สุดต้องยกให้ Soft Cream รสชาเขียว ที่หอมกลิ่นชาเขียวอ่อนๆ กัดเข้าไปแต่ละคำเนื้อไอศกรีมนุ่มละมุนแทบจะละลายในปากเลยทีเดียว





@ I-Tim ไอศกรีมรูปแบบใหม่ไม่เหมือนใคร มาเป็นแผ่นๆ หลากรสชาติ อาทิ สตรอเบอร์รี่,ช็อกโกแลต,วานิลลา,บลูเบอร์รี่ โรยหน้าด้วย Topping ผลไม้หลากชนิด อาทิ แตงโม สตรอเบอร์รี่ เชอร์รี่ เงาะ ลำไย ฟรุตสลัด ราดด้วย Syrup ช็อกโกแลต นมข้น สตรอเบอร์รี่ บรรยากาศภายในร้านสบายๆ เป็นกันเอง






Sfree เมนูไอศกรีมพาร์เฟ่ต์ ภายใต้ Concept Healthy Dessert โดยยึดหลักการใช้ผลไม้สด และวัตถุดิบที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน ปราศจากสารปรุงแต่ง รสชาติหวานน้อย ไขมันต่ำ จึงไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำหนัก ดับร้อนกับไอศกรีมซักถ้วยให้ฉ่ำชื่นใจ กับไอศกรีม Sfree ที่มีมากมายหลายสาขาให้เลือก

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >>





Club Sweety ร้านไอศกรีมที่ใช้การตกแต่งร้านให้ดูสะอาดตาด้วยการใช้สีขาว และเพิ่มความหวานด้วย Wall Paper สีชมพูและส้ม ไอศกรีมของที่นี่เป็นสไตล์เจลาโต้ คือ ไอศกรีมอิตาเลียนที่มีสูตรนุ่มละมุน กลมกล่อม ทุกรสชาติผ่านการทำขึ้นอย่างพิถีพิถันด้วยเครื่องทำไอศกรีมที่ทางร้านเป็นตัวแทนจำหน่ายเองด้วย