11.28.2555

อร่อยจุใจ กับ หมูกรอบ ทำเองได้ง่ายๆ


เกริ่นนำโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ครัวบ้านพิม

          ชอบกันใช่ไหมล่ะ...หมูกรอบทอดเหลือง ๆ โปะลงบนข้าวสวย ราดน้ำจิ้มสักเล็กน้อย ก็ยกพร้อมเสิร์ฟ ทานอิ่มก็ควักเงินจ่าย 30 บาทบ้าง 40 บาทบ้าง พร้อม ๆ กับความรู้สึกหงุดหงิดใจอยู่มิใช่น้อย ก็แหม...เวลาสั่งข้าวหมูกรอบมาทานทีไร บางทีหมูก็ไม่กรอบสมชื่อ แถมได้หมูกรอบอยู่ไม่กี่ชิ้น ยังไม่ทันลิ้มรสความอร่อยของหมูกรอบเลย ชิ้นหมูกรอบ (ที่ไม่ค่อยกรอบ) ก็หมดจานแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวทุกที อิอิ

          ว่าแล้วสำหรับใครที่อยากทานหมูกรอบที่กรอบนอกนุ่มในแบบจุใจ กระปุกดอทคอม ขอเสนอให้คุณเข้าครัว (หรือจะบอกแฟน บอกเพื่อน พ่อแม่พี่น้อง ก็ได้นะจ๊ะ) ทำหมูกรอบทานเองให้อิ่มหนำสมใจกันไปเลย เพราะจริง ๆ แล้ว หมูกรอบน่ะทำไม่ยากอย่างที่คิดหรอกนะจ๊ะ ยิ่งได้สูตรเด็ด "หมูกรอบ"และ "ข้าวหมูกรอบ" ฝีมือของ ครัวบ้านพิม  แล้วล่ะก็ รับรองว่าเมนูนี้ "หมู" สมชื่อนะเออ เอ้า...ไปลงมือทำพร้อม ๆ กับคุณพิมดีกว่าเนอะ
หมูกรอบ
          ..... วันนี้พิมจะมาสาธิตวิธีการทำหมูกรอบ สูตรหนังกร๊อบบบกรอบ แต่เนื้อหมูยังนุ้มนุ่ม ตามคำเรียกร้องจ้า ไม่พูดพล่ามทำเพลงล่ะนะ ลงมือกันเลยค่ะ  ก่อนอื่นมาดูสูตรกันเลยค่ะ ก็มีส่วนผสมไม่มากมาย ตามนี้เลยค่ะ


ส่วนประกอบในการทำหมูกรอบ

           หมูสามชั้น 1 แผ่น หนักประมาณ 1.5 กิโลกรัม
           น้ำเปล่า 10 ถ้วย
           เกลือป่น 85 กรัม
           น้ำมันปาล์มสำหรับทอด (เยอะมาก ๆ)

          ป.ล. คราวนี้พิมไม่ได้ถ่ายรูปแบบรวมส่วนผสมกับเครื่องปรุงมาให้ดูนะคะ เพราะงั้นขออธิบายวิธีทำไปพร้อมกับรูปส่วนประกอบแต่ละอย่างเลยแล้วกันจ้า

วิธีทำ

          เริ่มต้นเลยเราก็มาดูที่หมูสามชั้นของเรากันก่อนนะคะ

          วิธีเลือกหมูสามชั้นของพิมเนี่ย ... พิมจะเลือกตรงส่วนพื้นท้องค่ะ (ที่มีน้ม...ม.ม นม เป็นปุ่ม ๆ ติดมาด้วย) เพราะหมูส่วนนี้จะนุ่มดี แล้วก็มีชั้นเนื้อชั้นไขมันที่พิมรู้สึกว่าทอดออกมาแล้วจะไม่กระด้าง อีกทั้งสีสวยงามมากกว่าสามชั้นส่วนอื่น แล้วก็เลือกที่มีชั้นไขมันไม่มากนัก อีกทั้งมีชั้นไขมันสม่ำเสมอกัน ไม่ใช่ข้างหนึ่งชั้นไขมันหนาเป็นนิ้ว อีกข้างหนาแค่เซ็นหนึ่งอ่ะค่ะ

          พอได้หมูมาแล้ว ก็ให้เราเอามีดโกนมาขูดขนอ่อน ๆ ที่หลงเหลือออกไปให้หมดค่ะ หากมีคราบอะไรติดมา ก็เอาแปรงสีฟัน (ที่ไม่ได้ใช้แล้ว) ขัด ๆ ออกให้หมดด้วยนะคะ และก็นำไปล้างให้สะอาด จากนั้นก็บั้งแนวยาวเป็น 3 รอยตามแบบในภาพด้านล่างนะคะ (จริง ๆ ควรบั้งให้แต่ละช่วงมีขนาดเท่ากัน แต่มือพิมไม่เที่ยงเองแหละค่ะ แบบว่าตอนแรกตั้งใจจะบั้งให้ได้เป็น 4 ชิ้น แต่ไป ๆ มา ๆ เอาชิ้นใหญ่หน่อยให้เหลือ 3 ชิ้นก็พอ)

หมูกรอบ
          จากนั้นก็หันไปตั้งหม้อหรือกระทะบนเตาไฟนะคะ ใส่น้ำเปล่าลงไปประมาณ 10 ถ้วย เกลือป่น (ธรรมดา) ประมาณ 85 กรัม (ใครชอบเค็มมาก ๆ ก็ใส่เยอะกว่านี้ได้นะคะ เพราะหากใส่ตามอัตราส่วนที่พิมใช้เนี่ย จะเค็มอ่อน ๆ ค่ะ) ... รอน้ำเดือดก็ใส่หมูทั้งชิ้นลงไปต้ม (น้ำไม่ต้องท่วมหมูทั้งชิ้นก็ได้นะคะ แต่อย่างน้อยให้ท่วมมากกว่า 3/4 ชิ้นอ่ะค่ะ)    โดยให้คว่ำด้านหนังลงนะคะ ต้มไปสัก 40 นาที ก็ค่อยพลิกเอาด้านเนื้อกลับลงไป .. และต้มต่ออีกประมาณ 5 นาที

หมูกรอบ

หมูกรอบ

          พอครบเวลาตามที่กำหนดไว้  ก็ใช้ตะหลิวโปร่ง ๆ นะคะ ตักชิ้นหมูขึ้นจากกระทะ
หมูกรอบ

          แล้วก็เอาไปวางพักบนตะแกรงโปร่ง + นำไปตากแดดจัด หรืออบด้วยไฟอ่อน ๆ 1 ชั่วโมง หรือจนหนังหมูแห้ง
หมูกรอบ

          จากนั้นก็นำมาทอดในน้ำมันเยอะหน่อย (ไม่ต้องให้น้ำมันท่วมหมูทั้งชิ้นก็ได้ อย่างน้อยให้ท่วมสักครึ่งอ่ะค่ะ) ....  โดยเอาด้านหนังลงไปทอดก่อน .... ซึ่งช่วงแรกใช้ไฟกลางค่อนมาทางแรงประมาณ 70% ค่ะ พอด้านหนังเหลืองดี  (ลอง ๆ พลิกดูนะคะ) ก็พลิกกลับอีกด้านลงไปทอด และลดไฟลงเหลือประมาณ 60% ทอดต่อไปอีกสักหน่อย จนหมูเหลืองทั้งสองด้าน

          ป.ล. ปกติน้ำมันที่ใช้ทอดอาหาร ไม่ควรใช้เกิน 2 ครั้งนะคะ
หมูกรอบ


          หมายเหตุ ..... ระหว่างทอด ... ช่วงนี้น้ำมันพยายามจะแทรกตัวเข้าไปในเนื้อหมู (เพื่อทำให้หมูกรอบ) น้ำจากเนื้อหมูจะซึมออกมาด้านนอก ทำให้น้ำมันกระเด็นได้  ....ก็ให้เอาพวกฝาลังถึง หรือตะแกรงที่เค้ามีไว้กันกระเด็นโดยเฉพาะปิดเอาไว้นะคะ รอจนหายกระเด็นหรือให้กระเด็นน้อยหน่อย (ฟังจากเสียง) แล้วค่อยเปิดนะคะ

หมูกรอบ


          สุดท้ายแล้ว ... เราก็จะได้หมูกรอบออกมาแบบในภาพด้านล่างนี่อ่ะค่ะ ... ขอบอกว่าตรงหนัง และรอบนอก ๆ ของเค้ากรอบมากเลยค่ะ กรอบแบบไม่ด้านเลย (ผ่านไป 2 วันแล้ว ตอนหั่นยังได้ยินเสียงกรอบ ๆ อยู่เลยค่ะ แต่น้อยกว่าตอนทำเสร็จใหม่ ๆ) แล้วตอนเคี้ยวเนี่ยหนังแทบจะละลายหายไปในปาก ^^  ส่วนเนื้อหมูด้านในก็ยังนุ่มอยู่ ไม่แข็งอ่ะค่ะ

          .... สรุปว่าถูกใจพิมและคนที่บ้านมากเลยค่ะ ยังไงก็ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนสนใจ ลองไปทำดูกันนะคะ

หมูกรอบ

หมูกรอบ

หมูกรอบ

หมูกรอบ


            ส่วนนี่ก็เป็นผลงานของหมูกรอบที่พิมเอามาต่อยอดไว้ค่ะ  "ข้าวหมูกรอบ กับ ไข่ต้มยางมะตูม"


          สำหรับน้ำราดข้าวหมูกรอบของพิมมีส่วนผสมและวิธีตามนี้นะคะ  .... คั่วอบเชย โป๊ยกั๊ก ผงพะโล้ รากผักชีทุบพอแตก ให้หอม ใส่น้ำตาลปี๊บลงไป คนจนละลาย และรอจนให้กลายเป็นสีน้ำตาลเข้ม (เหมือนทำน้ำพะโล้อ่ะจ้า ใครงงหรือสงสัย เข้ามาที่ pim.in.th คลิกไปที่หมวด "กับข้าวจากเนื้อหมู" แล้วไปดูตรงส่วนเมนูพะโล้เห็ดหอมนะคะ)  แล้วก็ใส่น้ำซุปหมูลงไป ปรุงรสด้วยเกลือป่น พริกไทย ซีอิ๊วขาว... รอเดือดก็ชิมรสชาติ เอาตามชอบเลยนะคะ จะหวานจะเค็ม เอาตามต้องการเลย จากนั้นก็เคี่ยวไฟอ่อนไปสักแป๊บนึง ประมาณ 5 นาที  (ถ้าทำน้ำราดปริมาณเยอะ ๆ ก็ใช้เวลาเคี่ยวมากกว่านี้อีกห่นอยค่ะ) แล้วก็ค่อยใส่แป้งท้าวที่ละลายน้ำแล้วลงไปค่ะ เอาให้ข้นเหนียวตามต้องการ .....  พอเดือดอีกทีก็ดับไฟเตา ใส่เหล้าจีน กับน้ำมันงาไปอย่างละหน่อยนะคะ คน ๆ ให้เข้ากัน

          จากนั้นก็ยกลง .. ตั้งพักไว้ให้อุ่น ๆ ก็ใส่งาขาวคั่ว กับถั่วลิสงคั่ว บดเกือบจะละเอียดลงไป คนให้เข้ากันเป็นอันใช้ได้ละค่ะ ........ ซึ่งน้ำราดของพิมเนี่ย จะออกใส ๆ แต่รสเข้มข้นนะคะ จะไม่ขุ่น ๆ เหมือนที่บางเจ้าเค้าทำขาย เพราะว่าพิมไม่ได้ใส่ซีอิ๊วดำอ่ะค่ะ

          ยังไงก็ลองไปทำดูกันนะคะ ... สูตรนี้อร่อยจริงค่ะ ไม่ได้โม้!!!

หมูกรอบ

หมูกรอบ

หมูกรอบ
ขอบคุณที่มาค่ะ : http://webboard.yenta4.com/topic/507879

9.11.2555

อร่อยกันต่อดีกว่า............วันนี้ขอแนะนำกับร้านคัพเค้กสีหวานๆ


อร่อยกันต่อดีกว่า............วันนี้ขอแนะนำกับร้านคัพเค้กสีหวานๆ
หากมีเวลานั่งจิบชาไปด้วย
ยิ่งเป็นการเติมความหวานเข้าไปใหญ่

ร้านนี้อยู่ที่.............................The Avenue แจ้งวัฒนะ
ที่ตั้ง : The Avenue แจ้งวัฒนะ 104/28-29 ถ.แจ้งวัฒนะ หลักสี่
โทร : 0-2982-5229
เปิดบริการ : 10.00-21.00 น. ทุกวัน
ราคาต่อคน : 45 – 100 บาท
มีร้านน่ารักๆ มาชวนคุณไปนั่งจิบกับขนมอร่อยๆ กันอีกแล้วครับ ... เราจะพาไปที่…
'''''''''''Pandora ร้านคัพเค้กโฮมเมด''''''''''''แนวใหม่ที่มีสไตล์หลากหลายในตัวเองแบบไม่ซ้ำใครกับกองทัพคัพเค้ก อบสดใหม่จากเตาทุกวัน ร้านคัพเค้กหน้าตาน่ารักแห่งนี้ กำเนิดขึ้นมาจาก คุณปุ๊กกี้ เจ้าของร้านผู้ชื่นชอบการทานและการทำเค้ก บวกกับพรสวรรค์อันโดดเด่นในด้านศิลปะ ซึ่งนำมาประยุกต์ใช้ในการแต่งหน้าเค้กทุกรสชาติในร้านแพนโดร่า ให้มีหน้าตาสวยงามสุดครีเอทอย่างที่เห็นกันนี่ล่ะครับ...
ภายในร้านขนาดกะทัดรัด ตกแต่งไว้อย่างเรียบง่าย แต่มีมุมเก๋ๆ ให้เรานั่งชิลล์ และดื่มด่ำกับชาร้อนๆ ซักแก้ว วันนี้เลือก Twinings Darjeeling ชาสีทองสว่างที่มีรสคล้ายองุ่นมัสคาเทลที่ใช้ในการหมักไวน์ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ ดาร์จีลิง ชาจากเนินเขาหิมาลัย สามารถดื่มแบบไม่ใส่น้ำตาล หรือจะเติมนมเล็กน้อย
ยิ่งได้จับคู่ทานกับคัพเค้กโมดอร่อยๆ ของร้าน ซึ่งมีให้เลือกกันแบบละลานตา กว่า 30 แบบต่อวัน อาทิ Red Velvet (45 บาท) เนื้อเค้กสีแดงนุ่มฟูหน้าครีมชีสวานิลลา เป็นคัพฮิตของร้านเลยค่ะ, Dutch Chocolate (45 บาท) เค้กช็อกโกแลตเข้มข้น แต่งหน้าด้วยฟัดจ์ช็อกโกแลต ท็อปปิ้งครีมวานิลาและลูกเชอร์รี่
Cookie & Cream (45 บาท) เนื้อเค้กช็อกโกแลตหน้าครีมโอรีโอ้คุกกี้, Blueberry Bush (40 บาท) เค้กวานิลลาหน้าครีมบลูเบอร์รี่
Duke of Panama (45 บาท) แป้งเค้กวานิลลาหน้าครีมกล้วยหอม, Princess Sora (45 บาท) คอลเลคชั่นคัพเค้กรสวานิลลาหน้าดอกไม้สีสันสดใส
Wintergreen (45 บาท) หน้าครีมหวานละมุน โรยช็อกโกแลต M & M
นอกจากนี้ยังมีขนมหวานแบบอื่นให้ลองด้วย อย่างเช่น Creamcheese Brownies (65 บาท) เนื้อช็อกโกแลตบราวนีส์เข้มข้นหน้าครีมชีสหวานมัน และ Snow Ball (12 บาท) แป้งนุ่มๆ เคลือบบิสกิตกรุบกรอบ
และในแต่ละเดือนทางร้านจะมีเค้กหน้าตาและรสชาติใหม่ๆ มาให้คุณได้ลิ้มลองกัน หรือใครอยากได้เซตคัพเค้กสำหรับเป็นของขวัญให้คนพิเศษ เชิญได้ที่ร้าน Pandora ทั้ง 2 สาขา The Avenue ถนนแจ้งวัฒนะ และ สาขาใหม่ล่าสุดอยู่ที่ The Emporium ชั้น 5 หน้า Gourmet Market

No Bake Cheesecake ชีสเค้กสูตรอร่อยง่าย ไม่ต้องอบ


No Bake Cheesecake ชีสเค้กสูตรอร่อยง่าย ไม่ต้องอบ

by : VanillaOrchid update : 31.07.12
No Bake Cheesecake by VanillaOrchidสวัสดีค่าสาวๆ โอแอล เจอกันอีกครั้งแล้วนะคะ สบายดีกันมั้ยเอ่ย?

ช่วงนี้บ้านอุ้มอากาศร้อนมากเลยค่ะ แล้วเวลาอากาศร้อนๆ นี่อุ้มว่าสาวๆ บางคนคงเป็นเหมือนอุ้มค่ะ ที่อยากทำขนมทาน แต่อากาศที่ไม่เป็นใจ ทำให้ไม่อยากจะเปิดเตาอบเอาซะเลย  ปกติอุ้มชอบทานชีสเค้กกันค่ะ  หลายวันก่อนอุ้มลองทำชีสเค้กแบบไม่ได้อบทานกันกับเพื่อนๆ  ทานแล้วสดชื่นเข้ากับอากาศหน้าร้อนดีนักเชียวค่ะ  แถมวิธีทำก็ง่ายแสนง่าย  มีส่วนผสมแค่ไม่กี่อย่างด้วยค่ะ  ก็เลยเป็นที่มาของการทำครั้งที่ 2 และ 3 วันนี้อุ้มเลยอยากมาชวนสาวๆ มาทำเจ้าขนมนี้ด้วยกันค่ะ

No Bake Cheesecake

Difficulty Level : 2/5 spoons
Difficulty Level : 2/5 spoons

ส่วนผสม

ครีมสด ........................................ 250 กรัม
ครีมชีสฟิลลาเดเฟีย .......................... 225 กรัม
น้ำตาลไอซิ่ง .................................. 110 กรัม
Vanilla extract ............................ 1 ช้อนชา
คุ้กกี้ช็อคโกแลต หรือโอริโอ.................. 160 กรัม
ช็อคโกแลต (สำหรับตกแต่งด้านบน)
No Bake Cheesecake by VanillaOrchid
วิธีทำ

1.    ตีครีมสดให้ตั้งยอดอ่อนไปทางปานกลาง แล้วแช่ตู้เย็นพักไว้
2.    นำครีมชีส  น้ำตาลไอซิ่ง และ Vanilla extract ใส่ชาม ตีให้เข้ากันเป็นครีม
3.    ใส่วิปครีมที่เตรียมไว้ลงไปในส่วนผสมของครีมชีส ตีให้เข้ากัน
4.    นำคุ้กกี้ใส่ถุง และทุบให้เป็นชิ้นเล็กๆ และนำไปใส่แก้ว หรือชามที่เตรียมไว้
5.    แบ่งใส่ส่วนผสมครีมชีสลงไปพอประมาณ
6.    ใส่คุ้กกี้และตามด้วยครีมชีส อุ้มใช้แก้วยาว จะได้คุ้กกี้และส่วนผสมครีมชีส 3 ชั้น
7.    ปิดส่วนบนของแก้ว ด้วยแผ่นฟอล์ย และนำไปแช่ตู้เย็นอย่างน้อย 2 ชั่วโมง
8.    พอจะเสิร์ฟ อุ้มก็ใส่ช็อคโกแลตขูด และคุ้กกี้ทุบให้ละเอียดลงไปค่ะ

เท่านี้สาวๆ ก็จะได้อร่อยชื่นใจกันแล้วค่ะ  ลองทำทานกันดูนะคะ รับรองว่าง่ายจริง อร่อยจัง ;)
No Bake Cheesecake by VanillaOrchid   No Bake Cheesecake by VanillaOrchid

Chocolate Mousse มูสช็อคโกแลตทำเองได้ ง่ายสุดๆ

Chocolate Mousse มูสช็อคโกแลตทำเองได้ ง่ายสุดๆ

by : Bake-aholic update : 17.08.12
Chocolate Mousse by Bake-aholic
คอช็อคโกแลตไม่ควรพลาดขนมที่ก้อยนำเสนอครั้งนี้นะคะ ไม่มีเตาอบ ไม่มีเครื่องดีก็ไม่เป็นไรค่ะ แค่ตะกร้อมือและพายยางก็อร่อยได้แล้วค่ะ ก้อยเลือกใช้ช็อคโกแลตขมค่ะ แต่ถ้าเพื่อนๆ ไม่ชอบทานขมก็สามารถผสมมิลค์ช็อคโกแลตลงไปครึ่งนึงก็ได้นะคะ หรือจะใช้มิลค์ช็อคโกแลตแทนทั้งหมดเลยก็ได้ค่ะ ทำทานเองต้องตามใจปากเรานะคะ

ขอให้สนุกและอร่อยกับขนมฝีมือเราเองค่ะ!!

Chocolate Mousse by Bake-aholic

Difficulty Level : 2/5 spoons
Difficulty Level : 2/5 spoons

Whipping Cream (ชนิดทำจากนมสด) ............................... 1 ถ้วยตวง
White Chocolate with Passion fruit filling ........................ 1/4 ถ้วยตวง
Dark Chocolate ............................................................ 100 กรัม
เหล้าหวานรสส้ม (Grand Manier) ..................................... 2 ช้อนโต๊ะ
แยมมิกซ์เบอรี่หรือผลไม้สด ปริมาณตามชอบ

Chocolate Mousse by Bake-aholic
วิธีทำ
1. แบ่งครีมเป็น 2 ส่วนเท่าๆ กัน ส่วนแรกนำไปแช่ช่องแข็งให้เย็นจัดๆ ไม่ควรแช่เกิน 10 นาที เพราะถ้าแข็งแล้วจะใช้ไม่ได้
2. อุ่นครีมที่เหลืออีก 1/2 ถ้วยตวง ในไมโครเวฟ ประมาณ 1 นาที 20 วินาที โดยตั้งเวลาทีละ 30 วินาที แล้วนำออกมาคน เพื่อให้ครีมร้อนทั่วกัน
3. เทครีมลงในชามผสมที่ใส่ Dark Chocolate ไว้ แล้วพักไว้ประมาณ 2-3 นาที แล้วคนให้เข้ากันจนเนียนดี ใส่เหล้าส้มลงไปแล้วคนให้เข้ากัน พักให้คลายร้อน
4. สับ White Chocolate ให้เป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำไปแช่ช่องแข็งไว้
5. ตีครีมส่วนที่แยกไว้ส่วนแรกให้ข้นขึ้น พอที่จะยกตะกร้อขึ้นแล้ววนเป็นเลข 8 ได้
6. แบ่งครีมที่ตีได้ครึ่งส่วนผสมลงไปในครีมช็อคโกแลตในข้อ 3 แล้วผสมให้เข้ากัน จากนั้นเทผสมกลับลงไปในชามครีม โดยแบ่งผสม 2 รอบ เมื่อเข้ากันดีแล้ว ก็เทไวท์ช็อกที่แช่เย็นไว้ลงไป คนให้เข้ากัน ผิดด้วยพลาสติกแล้วนำไปแช่เย็นในช่องธรรมดาไว้ประมาณ 30 นาที
7. เทมูสช็อคโกแลตที่ได้ลงในถุงบีบ ที่ใส่หัวบีบไว้ ตักแยมใส่ลงในภาชนะที่เตรียมไว้ บีบมูสลงไป นำเข้าแช่เย็นจนกว่าจะพร้อมรับประทาน เก็บได้ไม่เกิน 2 วันค่ะ เพราะไม่มีเจลาติน
Chocolate Mousse by Bake-aholic   Chocolate Mousse by Bake-aholic
Sweet Tips
ตามปกติแล้วเราจะเก็บช็อคโกแลตไว้ในตู้เย็น แต่เมื่อต้องการนำมาใช้ ควรทิ้งให้คลายเย็นจัดเสียก่อน เพราะไม่อย่างนั้นครีมที่อุ่นร้อนแล้ว จะไม่สามารถทำให้ช็อกโกแลตละลายได้หมด และทำให้เราต้องนำไปอุ่นเพิ่ม ซึ่งอาจจะทำให้ครีมแตกมันมากขึ้นได้  แต่ถ้าจำเป็นจริงๆ เราสามารถนำไปวางบนชามที่ใส่น้ำร้อนแล้วทิ้งไว้ให้ช็อคโกแลตและครีมค่อยๆ ละลายเข้ากันจนหมดค่ะ


ทำขนมเค้ก ง่ายๆที่บ้านเอง ด้วยไมโคเวฟ จ้า



ส่วนผสม
1.     แป้งเค้ก ช้อนโต๊ะ
2.     น้ำตาลป่น ช้อนโต๊ะ
3.     ผงโกโก้ ช้อนโต๊ะ
4.     กาแฟผง ช้อนชา
5.     ไข่ไก่ฟองเล็ก ฟอง
6.     นม ช้อนโต๊ะ
7.     น้ำมันทานตะวัน ช้อนโต๊ะ
8.     ช็อคโกแลคสับหยาบ
วิธีทำ
1.     ใช้ถ้วยกาแฟใบใหญ่
2.     ผสมแป้งเค้ก น้ำตาลป่น ผงโกโก้ และผงกาแฟ คนให้เข้ากัน
3.     ตอกไข่ใส่และใช้ส้อมคนจนเข้ากัน
4.     เติมนม น้ำมันทานตะวัน คนให้เข้ากัน
5.     เติมชอคโกแลตสับหยาบหรือชอคโกแลตชิป
6.     ใส่ไมโครเวฟ ใช้ไฟสูงสุด 2 1/2 นาที
7.     หลังจากเอาออกจากไมโครเวฟ พักไว้ นาที และเสิร์ฟพร้อมครีมหรือไอศกรีม

9.04.2555

อาหารต้องห้ามในยามบ่าย สาระดีๆเกี่ยวกับสุขภาพค่ะ


นอกจากเราจะต้องสู้กับงาน ในช่วงบ่ายแล้ว ยังต้องสู้กับความง่วงที่มาพร้อมกับข้าวกลางวันมื้ออร่อยอีกด้วย แต่ถ้าไม่อยากง่วง ก็ควรงดอาหารต้องห้ามในยามบ่ายเหล่านี้…

ช็อกโกแลตนอกจากจะอร่อยแบบไม่มีลิมิตแล้ว ช็อกโกแลตยังมีสารฟีนิลอะลานีนในปริมาณมาก ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่ช่วยให้ร่างกายคลายเครียดและอยากพักผ่อน และจะทำให้คุณง่วงนอนได้ในทันทีทันใด


ขนมปังขาวและข้าวขาวในแป้งขัดสีจะมีคาร์โบไฮเดรตชนิดเร่งด่วน ซึ่งจะเข้าสู่ตับอ่อนได้ทันที จากนั้นตับอ่อนก็จะหลั่งอินซูลินออกมา ทำให้เลือดมีน้ำตาลเพิ่มขึ้น ทีนี้สมองเราก็จะเบลอ... เคลิ้ม และหลับไปในที่สุด


ผลิตภัณฑ์นมไม่ว่าจะเป็นนมเปรี้ยว โยเกิร์ตหรือชาใส่นม เนื่องจากโปรตีนในนมจะหลั่งกรดอะมิโนออกมา และเมื่อร่างกายมีกรดมากเกินไปเราก็จะง่วงนอน


กล้วยกล้วยเป็นอาหารแก้เครียด เพราะมันอุดมไปด้วยฮอร์โมนเซโรโทนิน ซึ่งทำให้ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุขออกมา แต่ในสถานการณ์นี้ ความสุขที่คุณได้รับจะมาพร้อมความทุกข์ ถ้าเจ้านายผ่านมาเห็นตอนคุณหลับคาโต๊ะทำงาน

เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว หันมาทานอาหารแต่พออิ่ม เพื่อไม่ให้ยามบ่ายของเราต้องง่วงเหงาหาวนอนกันอีกเลย

เกรดสาระ หน้ารู้เกี่ยวกับการกิน จ้า


ภัยร้ายมันฝรั่งทอด
มันฝรั่งทอด คุกกี้กรอบๆ หรือขนมสำเร็จรูปในถุงสวยๆ ทั้งหลาย ไม่ได้ทำให้อ้วนหากออกกำลังกายสม่ำเสมอ และควบคุมปริมาณอาหารที่กินในแต่ละวัน แต่อาหารเหล่านี้เต็มไปด้วยไขมันชนิดที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ทำให้มีโอกาสเป็นโรคหัวใจและโรคมะเร็งมากขึ้น...
ที่มา : Are You Getting Enough Fat?" By Colleen Pierre, R.D. Reader''s Digest, 2001


ผลข้างเคียงของยาคุมกำเนิด
ยาคุมกำเนิด ทำให้กระดูกบางลงได้ นำไปสู่ปัญหากระดูกพรุน เมื่อแก่ตัวลง ดังนั้นหากจำเป็นต้องกินหรือฉีดยาเหล่านี้ ก็อย่าลืมหมั่นกินอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น ผักใบเขียวเข้ม ปลาเล็กปลาน้อย ฯลฯ หรือทานแคลเซียมเสริมไว้ด้วย...
ที่มา : Canadian Medical Association Journal, October 2001


ผู้หญิงชอบดื่มพึงระวัง
คุณผู้หญิงที่ชอบดื่มพึงระวังเพราะร่างกายคุณ จะซึมซับแอลกอออล์ได้เร็วกว่าผู้ชาย ( เมาเร็วกว่า) แล้วคุณยังมีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านม ได้ง่ายกว่าคนที่ไม่ดื่มถึง 50% แถมยังกระดูกเปราะกว่ากันมาก เพราะเหล้าจะเข้าไปทำลายเนื้อกระดูก(bone mass) ของคุณ...

ที่มา : Rethinking Drinking" Reader''s Digest, December 2001

นั่งรถตรงไหนปลอดภัยที่สุด
นั่งรถเก๋งที่เบาะหลังตรงกลางปลอดภัยที่สุด รองลงมาคือ ที่นั่งด้านหลังทางซ้าย (หลังคนนั่งข้างคนขับ) เพราะตามสถิติอุบัติเหตุจะเกิดทางด้านหน้า และ ด้านคนขับมากกว่า และหากมีคนนั่งรถไปกับคุณด้วยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น จะลด อันตรายจากอุบัติเหตุการชนด้านหน้ารถลงไปด้วย...
ที่มา : The Seattle Times, November 11, 2001

ทานกะหล่ำปลีดิบมีพิษนะ
ในกะหล่ำปลีดิบจะมีสารพิษที่เรียกว่า กอยโตรเจน (Goibrogen) ซึ่งเป็นสารที่จะไปกันไม่ให้ต่อมไทรอยด์จับไอโอดีน ไปสร้างเป็น ฮอร์โมนไทร๊อกซิน (Thyroscine) ได้ ซึ่งผลที่เกิดขึ้นคือ จะทำให้เกิดเป็นโรคคอหอยพอก แต่สารพิษเหล่านี้จะถูกทำลายได้ โดยการต้ม จึงควรรับประทานกะหล่ำปลีสุก จะดีกว่ากะหล่ำปลีดิบ

ถั่วงอกดิบมีโทษ
ในผักสดบางชนิดมีสารพิษที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เช่น ในถั่วงอก มีสารพิษพวกที่เรียกว่าไฟเตต ซึ่งเมื่อกินเข้าไปจะ ไปจับแร่ธาตุบางชนิดที่อยู่ในอาหาร ทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมแร่ธาตุเหล่านั้นเข้าร่างกาย ร่างกายจะเป็นโรคขาดแร่ธาตุ สารพิษเหล่านี้สามารถทำลายได้โดยการต้ม จึงควรรับประทานถั่วงอกสุขดีกว่าถั่วงอกดิบ

วิธีป้องกันตะคริว
ตะคริวเกิดขึ้นเนื่องจากร่างกายขาดน้ำและเกลือแร่ การดื่มน้ำและ รับประทานผลไม้สดมากๆ จึงช่วยลดการเป็นตะคริวได้...

ที่มา : Health& Fitness Column, Detroit News, August 22, 2001

อดนอนบ่อยๆ ระวังเป็นเบาหวาน
ร่างกายที่ไม่ได้รับการนอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม จะใช้อินซูลินได้น้อยลง คนอดนอนบ่อยๆ จึงมีโอกาสเป็นโรคเบาหวานสูงกว่าปกติ...
ที่มา : The Seattle Times, July 22, 2001


ตรวจฉี่ด้วยตัวเอง
ร่างกายแต่ละคนต้องการน้ำไม่เท่ากัน แพทย์แนะนำว่าควรดื่มมาก พอที่จะถ่ายปัสสาวะได้ทุกๆ 3-4 ชั่วโมง หากปัสสาวะคุณเป็นสีเหลือง เข้มกว่าปกติ แสดงว่าคุณกำลังขาดน้ำ...
ที่มา : Health & Fitness Column, Detroit News, August 22, 2001

เนยแท้ vs เนยเทียม
เนยแท้ๆ ที่ทำมาจากนม อร่อยและมีประโยชน์ต่อร่างกายกว่าเนยเทียม หรือมาร์การีนซึ่งไม่มีประโยชน์เลยแถมเป็นพิษต่อร่างกายอีกต่างหาก แต่ไม่ควรจะบริโภคเนยให้มากนักเพราะมากไป ก็ทำให้เป็นโรคหัวใจ และความดันได้ง่าย...

วิธีชะลอความแก่ 7 ประการ
เรื่องความชราที่มาเยือนนั้นเป็นไปตามวัยก็จริง แต่หนุ่มสาวสมัยนี้กลับ "แก่ก่อนวัย" ถึงเป็นที่มาของความเชื่อที่ว่า "ทุกอย่างนั้นอยู่ที่ใจ" เคล็ดลับเหล่านี้ได้จาก น.พ.พั นธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ สูตินารีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ


๑.ต้องไม่อยากแก่... ต้องตั้งใจคงความเป็นหนุ่มเป็นสาวเอาไว้ และต้องปฏิบัติควบคู่ไปทั้งร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ
๒.มีใจเป็นหนุ่มสาว.. คือ รักอิสระ มองโลกในแง่ดีและที่สำคัญมีความหวังเสมอ หรือการคบเพื่อนที่อายุน้อยกว่าก็เป็นวิธีการที่ดี
๓.ลดความเครียด.. เลิกเอาคิ้วผูกโบได้แล้ว ลองยิ้มให้มากขึ้น ถ้าไม่รู้จะยิ้มอย่างไรก็ลองยิ้มกับกระจกเงาที่บ้านดูสิ
๔.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ.. ออกกำลังการอย่างน้อย 15 นาทีจะดี
๕.กินอาหารต้านชรา.. พยายามเลือกอาหารที่มีประโยชน์กับร่างกาย เช่น พืชผักผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ
๖.นอนหลับเพียงพอ.. เราควรจะนอนให้เพียงพอกับร่างกาย ที่ดีที่สุดควรนอนก่อนสี่ทุ่มจะดีที่สุด
๗.ความรัก.. ความรักเท่านั้นที่จะช่วยให้คนสดชื่น กระชุ่มกระชวย ทั้งความรักของคนหรือสัตว์ ก็จะช่วยให้เราหัวใจเบิกบาน

โทษของน้ำต้มเดือดหลายๆ ครั้ง
น้ำประปามีแร่ธาตุหลายชนิด เมื่อต้มเดือดแล้วเดือดอีกหลายๆ ครั้ง น้ำจำนวนมากจะระเหยกลายเป็นไอ ส่วนที่เหลือ จึงมีปริมาณแร่ธาตุ ชนิดต่างๆ เข้มข้นขึ้นมาก และเกินมาตรฐานการบริโภค

น้ำที่ต้มเดือดนานๆ ไอออนของซิลเวอร์ไนเตรทที่อยู่ในน้ำ จะเปลี่ยนเป็นซิลเวอร์ไนไตรท์ ซึ่งเป็นสารที่ให้โทษแก่ร่างกาย และแร่ธาตุบางอย่างที่เป็นโทษต่อร่างกาย จะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นเพราะการระเหยของน้ำ และอาจมากจนเกินขีดจำกัด ความสามารถของร่างกาย ในการกำจัดขับถ่ายออกมา จึงไม่ควรดื่มน้ำที่ต้มเดือดแล้วหลาย ๆ ครั้ง ครับ


อาหารต้านมะเร็ง 5 ประการเพื่อการป้องกัน

1. รับประทานผักตระกูลกะหล่ำให้มาก เช่น กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก ผักคะน้า หัวผักกาด บรอคโคลี่ ฯลฯ เพื่อป้องกัน โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ลำไส้ส่วนปลาย กระเพาะอาหาร และอวัยวะระบบทางเดินหายใจ
2. รับประทานอาหารที่มีกากมาก เช่น ผัก ผลไม้ ข้าว ข้าวโพด และเมล็ดธัญพืชอื่น ๆ เพื่อป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่
3. รับประทานอาหารที่มีเบต้าแคโรทีน และไวตามินเอสูง เช่น ผัก ผลไม้สีเขียว-เหลือง เพื่อป้องกันมะเร็งหลอดอาหาร กล่องเสียง และปอดำ
4. รับประทานอาหารที่มีไวตามินซีสูงเช่น ผัก ผลไม้ต่างๆ เพื่อป้องกันมะเร็งหลอดอาหาร และกระเพาะอาหาร
5. ควบคุมน้ำหนักตัว..โรคอ้วนมีความสัมพันธ์กับโรคมะเร็ง เช่น มดลูก ถุงน้ำดี เต้านม และลำไส้ใหญ่


ผลกระทบของการอดนอน
งานวิจัยเชิงทดลอง โดยอาสาสมัครหนุ่มสาว ทดลองนอนหลับวันละ 4 ชม. เป็นเวลา 6 คืน เมื่อเจาะตัวอย่างเลือด พบว่า มีปัญหาระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นและควบคุมยาก ซึ่งเกือบจะเป็นเหมือนโรคเบาหวาน นักวิจัยยังพบว่าการอดนอนเป็นสาเหตุของโรคอ้วน โดยเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนเร่งการเติบโต ซึ่งเป็นฮอร์โมนกระตุ้นการเจริญเติบโตทางกายภาพ และควบคุมสัดส่วนของไขมันต่อกล้ามเนื้อในร่างกาย

การอดนอนทำให้ฮอร์โมนนี้หลั่งน้อยลง ร่ายกายรู้สึกอยากอาหารมากขึ้น นอกจากนี้ยังส่งผลต่อฮอร์โมนเลปติน ซึ่งเป็นสารที่สื่อต่อระบบประสาท ว่า ควรจะอิ่มได้เร็วหรือช้าเท่าใด ตามความต้องการอาหารของร่างกาย เมื่อระดับเลปตินลดลงจากการนอนน้อย ผู้คนจะรู้สึกอยากอาหารมากขึ้น แม้จะได้กินอาหารจนได้พลังงานเพียงพอแล้วก็ตาม

การนอนไม่พอยังส่งผลต่อเม็ดเลือดขาว และกลไกการตอบสนองภูมิคุ้มกันต่างๆ ของร่างกาย ทำให้เจ็บป่วยง่ายเมื่อเจอเชื้อโรค การนอนไม่พออาจส่งผลร้ายแรงถึงขั้นเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง มีความเกี่ยวข้องกันในเรื่องวงจรการหลั่งฮอร์โมนแปรปรวน เนื่องมาจากการอดนอนและ แสงรบกวนในเวลากลางคืน ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านม ฉะนั้น นอกจากเราควรจะนอนให้เพียงพอแล้ว เรายังไม่ควรเปิดไฟนอนอีกด้วย


6 อัศวินช่วยลดไขมันในเส้นเลือด
ร่างกายของคนเราสามารถสร้างคอเลสเตอรอลได้เองอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าเรารับประทานอาหารที่มีไขมันสูง ระดับคอเลสเตอรอลในกระแสเลือด ก็จะมีสูงขึ้นตามไปด้วย เสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดอุดตัน และหัวใจวายแน่นอน อาหารบางอย่างมีคุณสมบัติ ช่วยควบคุมคอเลสเตอรอลได้ เป็นอย่างดีเยี่ยม 6 อัศวินตัวสำคัญนั้นคือ
1.มะเขือต่างๆ..
2.หอมหัวใหญ่..
3.กระเทียม
4.ถั่วเหลือง..
5. แอปเปิล..
6.โยเกิร์ต

วันใดมื้อใดที่คุณมีเมนูอาหารซึ่งอุดมไปด้วยไขมันมากๆ ก็ควรรับประทานอัศวินตัวหนึ่งตัวใดเพื่อควบคุมไขมัน.


อาหารอันตรายเมื่อท้องว่าง
คุณทราบไหมว่าเมื่อท้องของคุณว่างแล้วคุณรับประทานอาหารเข้าไป อาจส่งผลร้ายต่อสุขภาพของคุณได้ เพราะฉะนั้น ก่อนที่จะรับประทานอาหาร ควรเลือกชนิดของอาหารเสียก่อน อาหารที่ไม่ควรรับประทาน ขณะท้องว่างมีชนิดใดบ้าง มีบางชนิดที่เราแทบไม่เชื่อเลยล่ะ

กล้วย.. เพราะกล้วยอุดมไปด้วยธาตุแมกนีเซียม การรับประทานกล้วย ขณะท้องว่าง จะทำให้ปริมาณธาตุแมกนีเซียมในเลือดสูงขึ้น ทำให้สูญเสียสัดส่วนของแคลเซียมและแมกนีเซียมไป เป็นการยับยั้ง การทำงานของหลอดเลือดหัวใจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ อย่างยิ่ง

กระเทียม .. เพราะจะทำให้เยื่อบุกระเพาะอาหาร ได้รับการกระตุ้นเกิด โรคกระเพาะอาหารอักเสบอย่างรุนแรง

ผัก.. การรับประทานผักอย่างเดียวขณะท้องว่าง จะทำให้กระเพาะอาหารเกิดอาการผิดปรกติ นอกจากนั้น ยังไม่ควรอาบน้ำ และออกกำลังกายด้วยเช่นกัน เพราะการอาบน้ำและการออกกำลังกาย ในขณะที่ท้องว่าง จะทำให้เกิดอาการช็อก เนื่องจากน้ำตาลในเลือดต่ำได้ง่าย

นมและนมถั่วเหลือง .. แม้ว่านมถั่วเหลืองจะอุดมไปด้วยโปรตีน แต่จะเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด เมื่อกระเพาะอาหาร มีสารอาหารประเภทแป้งอยู่ด้วย

เหล้า .. หากดื่มเหล้าในขณะท้องว่าง จะไปกระตุ้นเยื่อบุกระเพาะอาหาร ทำให้เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบ และเป็นแผลในกระเพาะอาหารได้

น้ำตาลหรืออาหารหวาน... ไม่ควรรับประทานอาหารหวาน หรือน้ำตาล เช่น น้ำอัดลม ช็อกโกแลต เพราะหากรับประทานขณะท้องว่าง จะทำให้โปรตีนรวมตัวกับน้ำตาลส่งผลต่อการดูดซึมโปรตีนทุกชนิด และลดสมรรถภาพการทำงานของระบบหมุนเวียนเลือดและไต

ชา...ที่แก่เกินไป ชาทำให้กรดเกลือในน้ำย่อย ในกระเพาะอาหารเจือจาง ส่งผลให้การทำงาน ของระบบย่อยอาหารลดลง และเกิดอาการใจสั่น เวียนศีรษะ มือเท้าไม่มีแรง จิตใจไม่สงบ

ลูกพลับ.. ไม่ควรรับประทานลูกพลับในขณะที่ท้องว่าง เพราะกระเพาะอาหารจะหลั่งกรดเกลือออกมามาก หากไปรวมตัวกับยาง และสารแขวนลอยในลูกพลับแล้วจะทำให้เจ็บหน้าอก คลื่นไส้ และเป็นแผลในกระเพาะอาหาร


ไอศกรีม อาหารขยะ
ไอศกรีมบางยี่ห้อ บางผู้ผลิต ใช้ไขมันที่เหลือจากโรงฆ่าสัตว์ แทน และได้ใส่ส่วนผสมสังเคราะห์ จากสารเคมีต่าง ๆ ดังนี้
1. ไดอิธิลกลูคอล ( diethyl glucol )..สารเคมีราคาถูก ใช้ตีไขมัน ให้กระจาย แทนการใช้ ่ไข่ เป็นสารกันเยือกแข็ง ที่ใช้กันน้ำแข็ง ( anti freeze) และผสมในน้ำยากัดสี
2. อัลดีไฮด์ - ซี71 ( aldehyde-C71 ) .. ใช้สร้างกลิ่น เชอร์รี่ ให้ไอศกรีมเป็นของเหลวติดไฟง่าย และยังนำไปใช้ทำสีอะนิลีน พลาสติกและยาง
3. ไปเปอร์โอรัล ( piperoral )..ใช้แทนวานิลลา เป็นสารเคมีที่ใช้ฆ่าเหาและหมัด
4. อิธิลอะซีเตท (ethyl acetate ) .. ใช้สร้างกลิ่นรสสับปะรด ใช้เป็นตัวทำความสะอาดหนังและผ้าทอ กลิ่นของสารเคมีตัวนี้ ทำให้เกิดโรคปอดเรื้อรัง ตับ และหัวใจผิดปกติ
5. บิวธีรัลดีไฮด์ ( butyraldehyde) ใช้สร้างกลิ่นรสเมล็ดในผล ไม้เปลือกแข็ง เป็นสารประกอบสำคัญในกาวยาง
6. แอนนิล อะซีเตท( anyle acetate) ใช้สร้างกลิ่นรสกล้วยหอม เป็นสารทำลายใช้ล้างไขมัน
7. เบนซิล อะซีเตท(benzyle acetate) ใช้สร้างกลิ่นและรสสตรอเบอร์รี่

คัพเค้กสำหรับ คนพิเศษ วันพิเศษ

cupcake

"กล้วยหอมทอด .. กล้วยทอดของฝาหรั่ง"









ร่ำลากันไปด้วยเมนูปิดท้าย "สีน้ำตาล" ขนมล้างปากแบบเวียตนาม 
"กล้วยหอมทอด .. กล้วยทอดของฝาหรั่ง" ที่ต้องรับประทานร้อน ๆ

 สูตร

แป้งเค้ก 150 กรัม
ผงฟู 1 ช้อนชา
โซดาแช่เย็นจัด 1/2 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 1 + 1/2 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
ซินนาม่อน 1/4 ช้อนชา [เครื่องเทศหากไม่ชอบก็ไม่ต้องใส่]
Hazel Syrup 1 ช้อนชา [ไม่มีก็ไม่ต้องใส่]
 


เราพักแป้งแช่เย็นไว้ประมาณ 30 นาที ค่อยเอาออกมาทอด





พยายามจะทอดให้เป็นขนม "โป๊งเหน่ง" โบราณ แต่ก็จนปัญญา
ได้ออกมาไม่กลมบ๊อกดังใจ เบี้ยว ๆ บูด ๆ คงเป็นเพราะอุปกรณ์
คงเพราะไม่ได้ใช้กระทะปากบานแบบกระทะใบบัวก้นลึกทรงป้าน
555 ไม่เป็นไร คิดไรมาก ... ดีกว่านี้ยังเอา เย้ออออออ 

จัดฉาก ... โรยน้ำตาลเพื่อเป็นการกลบเกลื่อน 





กล้วยทอด-ทอดกล้วย กินกับน้ำตาลป่น ... แหล่มเน๊อะ





กล้วยทอด - ทอดกล้วย กินกับคาราเมลไซรัพ ... อร่อยเน๊อะ

ขนมนี้สั่งมากินต้องระวัง ข้างในมันร้อนโคตะระ ปากอาจพองได้
ของทอดเนี่ย ... มันอร่อยนิ ... ไขมันในเส้นเลือดพุ่งกระฉูดดีจัง





เก็บตกจบแล้วคะ ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาเยียมเยือน 
ขอบคุณทุกความคิดเห็น ... ขอบพระคุณทุกแรงใจ
... พบกับเมนูคาว-หวาน-เวอร์ ต่อไปนะคะ พี่น้อง ...